อุปกรณ์ออกบูธ ครั้งแรกต้องเตรียมอะไรบ้าง?

อุปกรณ์ออกบูธ

พ่อค้าแม่ค้าที่กำลังจะออกบูธต้อมาดูเลย ว่า อุปกรณ์ออกบูธ ครั้งแรกนั้นต้องมีอะไรบ้าง แล้วอะไรสำคัญในการออกบูธในแต่ละครั้งบ้าง วันนี้เราเอามาแบบจุกๆ สำหรับพ่อค้าแม่ค้ามือใหม่ที่กำลังจะไปออกบูธกันเลยทีเดียว

การออกบูธเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ทางการตลาดที่ทรงพลังที่สุด ช่วยให้ธุรกิจของคุณได้พบปะลูกค้าตัวจริง สร้างความสัมพันธ์ และปิดการขายได้ทันที แต่สำหรับมือใหม่ที่กำลังจะ “ออกบูธครั้งแรก” การเตรียมตัวอาจดูท่วมท้นและน่ากังวลไปหมด จะเริ่มจากตรงไหน? ต้องเตรียมอะไรบ้าง? อะไรคือสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม? บทความเชิงลึกนี้จะทำหน้าที่เป็นคู่มือฉบับสมบูรณ์ที่รวบรวมทุกสิ่งที่ควรรู้และต้องเตรียมสำหรับผู้ที่กำลังจะออกบูธครั้งแรก ตั้งแต่การวางแผนก่อนวันงาน การจัดการในวันงาน ไปจนถึงการติดตามผลหลังงาน เพื่อให้บูธของคุณโดดเด่น ดึงดูดลูกค้า และประสบความสำเร็จเกินความคาดหมายตั้งแต่ก้าวแรก!

ออกบูธครั้งแรกต้องเตรียมอะไรบ้าง? คู่มือครบวงจรสำหรับมือใหม่ ให้บูธปังตั้งแต่ก้าวแรก!

การออกบูธเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ทางการตลาดที่ทรงพลังที่สุด ช่วยให้ธุรกิจของคุณได้พบปะลูกค้าตัวจริง สร้างความสัมพันธ์ และปิดการขายได้ทันที แต่สำหรับมือใหม่ที่กำลังจะ “ออกบูธครั้งแรก” การเตรียมตัวอาจดูท่วมท้นและน่ากังวลไปหมด จะเริ่มจากตรงไหน? ต้องเตรียมอะไรบ้าง? อะไรคือสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม? บทความเชิงลึกนี้จะทำหน้าที่เป็นคู่มือฉบับสมบูรณ์ที่รวบรวมทุกสิ่งที่ควรรู้และต้องเตรียมสำหรับผู้ที่กำลังจะออกบูธครั้งแรก ตั้งแต่การวางแผนก่อนวันงาน การจัดการในวันงาน ไปจนถึงการติดตามผลหลังงาน เพื่อให้บูธของคุณโดดเด่น ดึงดูดลูกค้า และประสบความสำเร็จเกินความคาดหมายตั้งแต่ก้าวแรก!

ทำไมการออกบูธครั้งแรกถึงสำคัญ?

การออกบูธครั้งแรกไม่ได้เป็นเพียงกิจกรรมทางการตลาดธรรมดา แต่เป็นก้าวสำคัญที่มีความหมายอย่างยิ่งสำหรับธุรกิจของคุณ ไม่ว่าคุณจะเป็นสตาร์ทอัพ แบรนด์ใหม่ หรือธุรกิจขนาดเล็กที่ต้องการเติบโต เพราะนี่คือโอกาสที่คุณจะได้เจอและพูดคุยกับลูกค้าเป้าหมายโดยตรง ได้รับฟีดแบ็กทันที และสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น ในงานแสดงสินค้าที่มีคนพลุกพล่าน บูธที่โดดเด่นและน่าสนใจจะช่วยให้แบรนด์ของคุณเป็นที่รู้จักในวงกว้างขึ้นอย่างรวดเร็ว ต่างจากการตลาดออนไลน์ การออกบูธทำให้คุณสามารถนำเสนอสินค้า ทดลองใช้งาน และปิดการขายได้ ณ จุดนั้นเลย ซึ่งมีอัตราการแปลงที่สูงกว่า เป็นโอกาสที่ดีในการสังเกตการณ์คู่แข่งในอุตสาหกรรมเดียวกัน ว่าพวกเขานำเสนออะไร จุดแข็งจุดอ่อนอยู่ตรงไหน เพื่อนำมาปรับปรุงกลยุทธ์ของตนเอง

ก่อนถึงวันงาน: วางแผนอย่างมืออาชีพ ปูทางสู่ความสำเร็จ

ความสำเร็จของการออกบูธไม่ได้เริ่มในวันงาน แต่เริ่มต้นจากการวางแผนที่ดีและละเอียดรอบคอบก่อนถึงวันงานจริง

1. กำหนดเป้าหมายและงบประมาณที่ชัดเจน:

นี่คือก้าวแรกที่สำคัญที่สุด! การมีเป้าหมายที่ชัดเจนจะช่วยให้คุณวางแผนทุกอย่างได้อย่างมีทิศทาง

  • เป้าหมายที่ชัดเจน:
    • สร้างการรับรู้แบรนด์: ต้องการให้คนรู้จักแบรนด์คุณมากแค่ไหน?
    • สร้างฐานลูกค้าใหม่: ตั้งเป้าหมายจำนวนลูกค้าใหม่ที่ต้องการ หรือจำนวน Lead ที่ต้องการเก็บข้อมูล
    • สร้างยอดขาย: ตั้งเป้ายอดขายที่ต้องการให้ชัดเจน ทั้งจำนวนชิ้น หรือมูลค่า
    • แนะนำสินค้า/บริการใหม่: ต้องการให้ลูกค้าทดลองใช้หรือเข้าใจสินค้าใหม่มากแค่ไหน?
    • สร้างความสัมพันธ์กับพันธมิตรทางธุรกิจ: ต้องการขยายเครือข่ายคอนเนกชันหรือไม่?
  • การจัดสรรงบประมาณ:
    • ค่าเช่าพื้นที่บูธ: ส่วนใหญ่เป็นค่าใช้จ่ายหลัก
    • ค่าออกแบบและตกแต่งบูธ: รวมถึงค่าป้ายต่างๆ
    • ค่าผลิตสื่อประชาสัมพันธ์: โบรชัวร์ นามบัตร ของแถม
    • ค่าสินค้าตัวอย่าง/สินค้าสำหรับขาย:
    • ค่าใช้จ่ายพนักงาน: ค่าเดินทาง ค่าอาหาร ค่าจ้าง (ถ้ามี)
    • ค่าใช้จ่ายด้านการตลาด: การโปรโมทก่อนงาน
    • ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่คาดไม่ถึง: เช่น ค่าไฟเสริม ค่าอุปกรณ์ต่างๆ

2. เลือกงานแสดงสินค้าที่เหมาะสม:

การเลือกงานที่ถูกต้องมีความสำคัญพอๆ กับการเตรียมตัวในบูธ

  • ประเภทของงาน: งานนั้นจัดขึ้นสำหรับอุตสาหกรรมใด? (เช่น อาหาร, แฟชั่น, เทคโนโลยี) กลุ่มลูกค้าเป้าหมายของคุณอยู่ในงานนั้นหรือไม่?
  • กลุ่มเป้าหมายของงาน: งานนั้นดึงดูดลูกค้าแบบไหน? (เช่น คนทั่วไป, นักลงทุน, เจ้าของธุรกิจ) ตรงกับกลุ่มเป้าหมายของคุณหรือไม่?
  • ทำเลที่ตั้งบูธ:
    • จุดที่คนเดินผ่านเยอะ: ใกล้ทางเข้า-ออกหลัก, ใกล้ห้องน้ำ, ใกล้โซนอาหาร, หรือใกล้กับบูธของแบรนด์ใหญ่ๆ ที่มีคนเยอะ
    • การมองเห็น: บูธของคุณถูกบดบังจากสิ่งกีดขวางหรือไม่? มีพื้นที่เพียงพอสำหรับการจัดแสดงสินค้าหรือไม่?
    • การเข้าถึง: ลูกค้าสามารถเข้าถึงบูธของคุณได้ง่ายหรือไม่?

3. การออกแบบและจัดเตรียมบูธ: สร้าง First Impression ที่น่าจดจำ

บูธของคุณคือพื้นที่แรกที่ลูกค้าจะได้สัมผัสกับแบรนด์ ต้องออกแบบให้ดึงดูดและสื่อสารได้ชัดเจน

  • การออกแบบบูธ: ดึงดูดสายตาจากระยะไกล
    • ธีมและสีสัน: ควรใช้สีและธีมที่สอดคล้องกับ Brand Identity ของคุณ และโดดเด่นสะดุดตาในงาน
    • ความเรียบง่ายแต่ทรงพลัง: ไม่จำเป็นต้องอลังการ แต่ต้องสื่อสารชัดเจนและน่าสนใจ
    • พื้นที่ใช้งาน: แบ่งโซนให้ชัดเจน (ต้อนรับ, สาธิต, พูดคุย, ชำระเงิน)
  • ป้ายและสื่อประชาสัมพันธ์: “เซลล์แมนเงียบ” ที่ทำงานตลอดเวลา
    • ป้ายฉากหลังบูท (Backdrop Banner): โลโก้แบรนด์ชัดเจน ข้อความหลักที่ต้องการสื่อสาร รูปภาพสินค้า/บริการที่โดดเด่น
    • ป้ายตั้งพื้น (Roll Up / X-Stand Banner): สำหรับโปรโมชั่นพิเศษ สินค้าเด่น หรือจุดเด่นของแบรนด์ที่ต้องการเน้น
    • ป้ายโต๊ะ (Table Top Sign): สำหรับแสดงราคา, QR Code สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม/โปรโมชั่น
    • นามบัตร: ต้องมีข้อมูลติดต่อครบถ้วน ดีไซน์สวยงาม
    • โบรชัวร์/ใบปลิว: ข้อมูลสรุปของสินค้า/บริการ จุดเด่น ช่องทางการติดต่อ (อย่าลืมทำโบรชัวร์ที่ลูกค้าสามารถพกกลับบ้านได้)
    • [ส่งเสริมการขาย]: “ไม่แน่ใจว่าจะเลือกป้ายแบบไหนให้เหมาะกับบูธของคุณ? [ชื่อบริษัทของคุณ] เรามีบริการให้คำปรึกษาและออกแบบป้ายสำหรับออกบูธครั้งแรกของคุณให้โดดเด่นสะดุดตา ตั้งแต่ป้าย Backdrop, Roll Up, ไปจนถึงป้ายตั้งโต๊ะ ที่สร้างสรรค์ขึ้นเพื่อดึงดูดลูกค้าเป้าหมายของคุณโดยเฉพาะ! [ลิงก์/เบอร์โทรสำหรับติดต่อ]
  • สินค้าตัวอย่าง/โชว์สินค้า: ให้ลูกค้าได้สัมผัสและทดลอง
    • นำสินค้าจริง หรือโมเดล มาจัดแสดงให้ลูกค้าได้เห็น ได้สัมผัส ได้ทดลองใช้งาน (ถ้าเป็นไปได้)
    • จัดวางสินค้าให้เป็นระเบียบ น่าสนใจ และหยิบจับง่าย
  • อุปกรณ์และเฟอร์นิเจอร์: ความสะดวกสบายและการใช้งาน
    • โต๊ะ/เคาน์เตอร์: สำหรับวางสินค้า, อุปกรณ์, หรือใช้เป็นจุดบริการ
    • เก้าอี้: สำหรับทีมงาน และอาจมีสำหรับลูกค้า (ถ้ามีพื้นที่)
    • ชั้นวางสินค้า/ตู้โชว์: เพื่อจัดแสดงสินค้าอย่างเป็นระเบียบและสวยงาม
    • ปลอกโต๊ะ/ผ้าคลุมโต๊ะ: พิมพ์โลโก้แบรนด์เพื่อความเป็นมืออาชีพ
  • แสงสว่าง: สร้างบรรยากาศและเน้นจุดเด่น
    • ตรวจสอบว่าบูธมีแสงสว่างเพียงพอหรือไม่ หากแสงไม่พอ ควรเตรียมไฟสปอตไลท์ หรือไฟส่องสว่างเพิ่มเติม เพื่อเน้นจุดเด่นของสินค้าหรือป้าย
  • ระบบไฟฟ้าและปลั๊กพ่วง: สิ่งจำเป็นที่ห้ามลืม
    • เช่าไฟเพิ่ม (ถ้าจำเป็น) เตรียมปลั๊กพ่วง และรางปลั๊กไฟให้เพียงพอสำหรับอุปกรณ์ไฟฟ้าทั้งหมด (โน้ตบุ๊ก, โทรศัพท์, อุปกรณ์ชำระเงิน, ไฟ)

4. เตรียมทีมงานให้พร้อม: หัวใจของความสำเร็จ

ทีมงานคือตัวแทนของแบรนด์คุณ! การเตรียมทีมให้พร้อมจะส่งผลต่อความประทับใจของลูกค้าโดยตรง

  • จำนวนและบทบาท: วางแผนจำนวนพนักงานให้เพียงพอต่อขนาดบูธและปริมาณลูกค้าที่คาดการณ์ไว้ กำหนดบทบาทหน้าที่ให้ชัดเจน เช่น ผู้ต้อนรับ, ผู้ให้ข้อมูลสินค้า, ผู้ดูแลการขาย
  • ความรู้สินค้า/บริการ: ทีมงานทุกคนต้องเข้าใจสินค้าและบริการอย่างถ่องแท้ สามารถตอบคำถามลูกค้าได้อย่างถูกต้องและมั่นใจ
  • ทักษะการสื่อสารและการบริการ: ฝึกอบรมการทักทาย, การเริ่มต้นบทสนทนา, การสอบถามความต้องการ, การนำเสนอโซลูชั่น, และการปิดการขายด้วยรอยยิ้ม
  • การแต่งกาย: แต่งกายสุภาพ สะอาด สอดคล้องกับภาพลักษณ์แบรนด์ อาจเป็นเสื้อฟอร์มที่ปักโลโก้
  • การพักผ่อน: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าทีมงานทุกคนได้พักผ่อนอย่างเพียงพอ เพื่อให้มีพลังงานในการทำงานตลอดวัน

5. เตรียมเอกสารและอุปกรณ์การขาย:

เพื่อให้การขายเป็นไปอย่างราบรื่น ไม่มีสะดุด

  • ใบเสนอราคา/ใบสั่งซื้อ: แบบฟอร์มที่เตรียมไว้ล่วงหน้า เพื่อให้สามารถบันทึกการสั่งซื้อหรือออกใบเสนอราคาได้ทันที
  • นามบัตร/โบรชัวร์/เอกสารประกอบ: จำนวนที่เพียงพอตลอดงาน
  • เครื่องคิดเงิน/อุปกรณ์รับชำระเงิน: เครื่องรูดบัตร (EDC), QR Code สำหรับการโอนเงิน, ลิ้นชักเก็บเงินทอน (หากรับเงินสด)
  • ถุง/บรรจุภัณฑ์: สำหรับใส่สินค้าให้ลูกค้า
  • ของแถม/โปรโมชั่นพิเศษ: สำหรับดึงดูดลูกค้าหรือมอบเป็นพิเศษสำหรับผู้ที่เยี่ยมชมบูธ/ซื้อสินค้า

6. การตลาดก่อนงาน: สร้างกระแสตั้งแต่เนิ่นๆ

อย่ารอให้ถึงวันงานแล้วค่อยโปรโมท เริ่มสร้างความน่าสนใจก่อนล่วงหน้า!

  • ประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางออนไลน์: โพสต์บน Social Media (Facebook, Instagram, Line Official, TikTok) แจ้งวัน เวลา สถานที่บูธ และไฮไลต์พิเศษที่คุณจะมีในงาน
  • เชิญชวนลูกค้าเก่า/ลูกค้าเป้าหมาย: ส่งอีเมลหรือข้อความเชิญชวนลูกค้าเก่า หรือลูกค้าในฐานข้อมูล ให้มาเยี่ยมชมบูธของคุณ
  • การใช้ Hashtag ของงาน: ใช้ Hashtag ที่เกี่ยวข้องกับงานแสดงสินค้า เพื่อให้ผู้คนที่สนใจงานนั้นๆ เห็นโพสต์ของคุณ

ในวันงาน: ปฏิบัติการเชิงรุก ดึงดูดทุกสายตา

เมื่อถึงวันงานจริง นี่คือเวลาที่คุณจะต้องลงมือปฏิบัติอย่างเต็มที่

1. การจัดบูธ: จัดวางให้เป็นระเบียบ สื่อสารชัดเจน

  • การจัดวางสินค้า: จัดแสดงสินค้าให้เป็นระเบียบ สวยงาม หยิบจับง่าย และเน้นสินค้าตัวเด่นหรือสินค้าใหม่
  • การจัดวางป้ายและสื่อ: วางป้ายให้เห็นชัดเจน ข้อความไม่ถูกบดบัง โบรชัวร์จัดเรียงให้เป็นระเบียบ หยิบง่าย
  • ความสะอาดและความเป็นระเบียบ: หมั่นเช็ดทำความสะอาดบูธ จัดของให้เข้าที่อยู่เสมอ จะสร้างความประทับใจที่ดี

2. การต้อนรับและสื่อสารกับลูกค้า:

  • รอยยิ้มและการทักทาย: เริ่มต้นด้วยรอยยิ้มที่เป็นมิตรและการทักทายสั้นๆ ที่เชิญชวน เช่น “สวัสดีครับ/ค่ะ ยินดีต้อนรับสู่บูธของเราครับ/ค่ะ”
  • การสอบถามความต้องการ: อย่าเพิ่งรีบขาย แต่ให้ถามคำถามเพื่อทำความเข้าใจความต้องการของลูกค้า เช่น “วันนี้คุณกำลังมองหาสินค้าประเภทไหนอยู่ครับ/คะ?” หรือ “มีปัญหาอะไรที่เราพอจะช่วยคุณได้บ้างไหมครับ/คะ?”
  • การนำเสนอโซลูชั่น: เมื่อเข้าใจความต้องการแล้ว ค่อยนำเสนอสินค้า/บริการที่ตรงกับปัญหานั้นๆ เน้นประโยชน์ที่ลูกค้าจะได้รับ
  • การจัดการกับลูกค้าที่ยังไม่พร้อมซื้อ: หากลูกค้ารับโบรชัวร์แล้วเดินไป ให้ยิ้มและขอบคุณ ไม่ควรเดินตามหรือตื้อจนลูกค้าอึดอัด

3. การเก็บข้อมูลลูกค้า:

นี่คือสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับการต่อยอดหลังงาน!

  • วิธีการเก็บข้อมูล: อาจเป็นแบบฟอร์มลงทะเบียน, การสแกน QR Code เพื่อรับส่วนลด/ข้อมูล, การแลกนามบัตร, หรือการจดบันทึกข้อมูลในแท็บเล็ต/มือถือ
  • ข้อมูลที่ควรเก็บ: ชื่อ, เบอร์โทรศัพท์, อีเมล, ความสนใจในสินค้า/บริการใดเป็นพิเศษ, ปัญหาที่ลูกค้ากำลังเผชิญ (เพื่อใช้ในการติดตามผลที่ตรงจุด)
  • [ส่งเสริมการขาย]: “สร้างฐานข้อมูลลูกค้าคุณภาพจากงานแสดงสินค้าด้วยระบบ CRM ที่ใช้งานง่ายของเรา! [ชื่อบริษัทของคุณ] มีโซลูชั่นที่ช่วยให้คุณเก็บข้อมูลลูกค้า วิเคราะห์ความสนใจ และติดตามผลได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อเปลี่ยน Lead ให้เป็นยอดขายในระยะยาว [ลิงก์/เบอร์โทรสำหรับติดต่อ]

4. การจัดการปัญหาเฉพาะหน้า:

  • อุปกรณ์ขัดข้อง: โน้ตบุ๊กค้าง, เครื่องรูดบัตรเสีย ควรมีแผนสำรอง เช่น โอนเงินผ่าน Mobile Banking, มีเงินทอนเพียงพอ
  • ลูกค้าเยอะ: หากมีลูกค้าจำนวนมาก ให้จัดระบบการบริการ เช่น มีพนักงานต้อนรับเบื้องต้น, มีบัตรคิว หรือแนะนำให้ลูกค้าสแกน QR Code เพื่อรับข้อมูลล่วงหน้า
  • ปัญหาเล็กๆ น้อยๆ อื่นๆ: เช่น ไฟดับ, ป้ายล้ม, ของหมด ควรมีอุปกรณ์ซ่อมแซมเบื้องต้น (เทป, กรรไกร) และสินค้าสำรอง

หลังงาน: สานต่อความสัมพันธ์ สร้างยอดขายระยะยาว

งานแสดงสินค้าไม่ได้จบลงเมื่อประตูฮอลล์ปิด แต่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการสานต่อความสัมพันธ์กับลูกค้า

1. การติดตามผล (Follow-up):

นี่คือขั้นตอนที่เปลี่ยนผู้เยี่ยมชมบูธให้เป็นลูกค้าตัวจริง

  • การจัดระเบียบข้อมูล: ทันทีหลังงาน ควรรีบจัดระเบียบข้อมูลลูกค้าที่เก็บมาได้ แยกประเภทตามความสนใจหรือระดับศักยภาพ
  • การส่งข้อมูล/ติดต่อกลับ:
    • ภายใน 24-48 ชั่วโมง: ส่งอีเมลหรือข้อความขอบคุณที่มาเยี่ยมชมบูธ และย้ำเตือนโปรโมชั่นหรือข้อมูลที่ลูกค้าสนใจ
    • ภายใน 1 สัปดาห์: ติดต่อกลับเพื่อนำเสนอข้อมูลเพิ่มเติม, นัดหมายนำเสนอสินค้า/บริการ, หรือปิดการขาย (สำหรับลูกค้าที่มีศักยภาพสูง)
  • การประเมินผลการติดตาม: ติดตามว่ามีการติดต่อกลับกี่ราย ปิดการขายได้กี่ราย เพื่อนำข้อมูลมาปรับปรุงกลยุทธ์การติดตามผลในอนาคต

2. การประเมินผลและเรียนรู้:

  • สรุปผลลัพธ์: สรุปยอดผู้เยี่ยมชม, จำนวน Lead, ยอดขายที่เกิดขึ้นจริง, และเปรียบเทียบกับเป้าหมายที่ตั้งไว้
  • วิเคราะห์จุดแข็งจุดอ่อน: อะไรคือสิ่งที่ทำได้ดี? อะไรคือสิ่งที่ควรปรับปรุง? (เช่น การออกแบบบูธ, ทักษะการขายของทีมงาน, ประสิทธิภาพของป้าย)
  • รวบรวม Feedback: พูดคุยกับทีมงานเพื่อรวบรวมความคิดเห็นและประสบการณ์ที่ได้จากงาน

สรุป: ก้าวแรกที่แข็งแกร่ง นำพาสู่ความสำเร็จที่ยั่งยืน

การออกบูธครั้งแรกอาจดูเป็นเรื่องใหญ่และมีความท้าทายมากมาย แต่ด้วยการวางแผนที่รอบคอบ การเตรียมตัวที่ครอบคลุม และการปฏิบัติงานอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งก่อน ระหว่าง และหลังงาน คุณก็สามารถเปลี่ยนความกังวลให้เป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ได้

จงมองว่าทุกปัญหาคือบทเรียน และทุกประสบการณ์คือการเติบโต การออกบูธครั้งแรกของคุณจะเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการสร้างการรับรู้ สร้างฐานลูกค้า และสร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์ในระยะยาว ขอให้คุณสนุกกับการออกบูธครั้งแรก และประสบความสำเร็จเกินความคาดหมาย!


PIM 24 โรงพิมพ์อุปกรณ์ออกบูธ เพื่อใช้ในงานโฆษณาแบบครบวงจร

โรงพิมพ์อุปกรณ์ออกบูธ งานพิมพ์ผ้า งานพิมพ์ Inkjet งานพิมพ์ Digital Offset งานพิมพ์ Offset กล่องแพ็คเกจจิ้ง สั่งผลิตจำนวนมาก ราคาพิเศษ เพื่อใช้ในงานการตลาดการขายและโฆษณาแบบครบวงจร

ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายอุปกรณ์ออกบูธคุณภาพ เช่น การทำ แบคดรอปผ้า (backdrop ผ้า), โรลอัพผ้า (roll up), กล่องไฟผ้า (fabric lightbox), เคาน์เตอร์ผ้า (fabric counter), ธงญี่ปุ่น (J-Flag), กล่องลูกฟูก, ฉลากสินค้า, กล่องแพ็คเกจจิ้ง ครบวงจรราคาดีที่สุด ผลิตเร็ว ราคาถูก ส่งรวดเร็ว คุณภาพมาตรฐานระดับสากล

สนใจสอบถามสินค้า >>> https://lin.ee/5CenwJj

หรือโทร. ติดต่อฝ่ายขาย

081-247-3560 (Sale ใหม่)
081-247-3562 (Sale ตูน)
081-247-3563 (Sale มด)
081-247-3564 (Sale ส้ม)

Share the Post: