งานพิมพ์ ป้ายโฆษณา แบนเนอร์ หรือสื่อส่งเสริมการขายต่างๆ ถือเป็นหน้าตาสำคัญของธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นป้ายหน้าร้าน ป้ายออกบูธ หรือสื่อตกแต่งภายใน การลงทุนในงานพิมพ์คุณภาพสูงย่อมเป็นสิ่งสำคัญ แต่จะมั่นใจได้อย่างไรว่างานพิมพ์ที่คุณได้รับนั้นตรงตามความต้องการและพร้อมสำหรับการติดตั้งจริง? การรีบเร่งติดตั้งโดยไม่ตรวจสอบให้ถี่ถ้วน อาจนำมาซึ่งปัญหาใหญ่ที่ต้องเสียเวลา เสียค่าใช้จ่ายในการแก้ไขซ้ำสอง และอาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของแบรนด์ บทความนี้จะเจาะลึกถึง “วิธีตรวจรับงานพิมพ์/อุปกรณ์ก่อนติดตั้ง” อย่างละเอียดและเป็นระบบ เสมือนมีผู้เชี่ยวชาญมาแนะนำ เพื่อให้คุณมั่นใจได้ว่าทุกชิ้นงานสมบูรณ์แบบก่อนถึงมือลูกค้า พร้อมทั้งเคล็ดลับดีๆ ที่ช่วยให้คุณประหยัดทั้งเงินและเวลาในระยะยาว
ทำไมต้องตรวจรับงานพิมพ์/อุปกรณ์ก่อนติดตั้ง?
การตรวจรับงานพิมพ์และอุปกรณ์ก่อนนำไปติดตั้งจริง อาจดูเป็นขั้นตอนเล็กน้อยที่หลายคนมองข้ามหรือไม่ให้ความสำคัญมากพอ แต่ในความเป็นจริงแล้ว นี่คือด่านหน้าสำคัญที่จะช่วยป้องกันปัญหาและสร้างความมั่นใจให้กับโปรเจกต์ของคุณ การละเลยขั้นตอนนี้อาจนำมาซึ่งผลเสียมากมายที่คุณคาดไม่ถึง
ลดความผิดพลาดและปัญหาหน้างาน
จินตนาการถึงภาพที่คุณต้องรีบนำป้ายไปติดตั้งที่งานอีเวนต์สำคัญ หรือหน้าร้านที่กำลังจะเปิด แต่กลับพบว่าสีเพี้ยน รูปไม่คมชัด หรืออุปกรณ์ประกอบไม่ครบ ปัญหาเหล่านี้ไม่เพียงแต่ทำให้คุณเสียเวลาในการวิ่งแก้ไข แต่ยังอาจทำให้งานล่าช้า พลาดโอกาสสำคัญ หรือแม้แต่ถูกยกเลิก ซึ่งอาจนำไปสู่ความเสียหายที่ประเมินค่าไม่ได้
ประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการแก้ไข
การแก้ไขงานพิมพ์ที่ผิดพลาดภายหลังการผลิตมักมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าการตรวจสอบให้ถูกต้องตั้งแต่แรก ไม่ว่าจะเป็นค่าพิมพ์ซ้ำ ค่าขนส่งใหม่ ค่าแรงในการติดตั้งซ้ำ หรือค่าชดเชยความเสียหาย การตรวจรับงานอย่างละเอียดจะช่วยให้คุณจับจุดผิดพลาดได้ตั้งแต่ยังอยู่กับผู้ผลิต ทำให้สามารถแก้ไขได้ทันท่วงทีโดยไม่ต้องควักกระเป๋าจ่ายเพิ่ม
รักษาภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือของแบรนด์
งานพิมพ์คุณภาพต่ำ หรือป้ายที่ติดตั้งแล้วมีข้อผิดพลาด ย่อมส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือของแบรนด์ทันที ลูกค้าอาจมองว่าธุรกิจของคุณไม่ใส่ใจในรายละเอียด หรือขาดความเป็นมืออาชีพ ซึ่งอาจทำให้เสียโอกาสทางธุรกิจในระยะยาวได้ การนำเสนอชิ้นงานที่สมบูรณ์แบบ แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจในทุกขั้นตอน และย่อมสร้างความประทับใจที่ดีให้กับผู้พบเห็น
สร้างความพึงพอใจและความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้ผลิต
เมื่อคุณตรวจรับงานอย่างเป็นระบบและให้ฟีดแบ็กที่ชัดเจน ผู้ผลิตจะได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการปรับปรุงคุณภาพงานของตนเอง ซึ่งจะนำไปสู่ความพึงพอใจร่วมกัน และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างคุณกับผู้ผลิตในระยะยาว ทำให้การทำงานร่วมกันในอนาคตราบรื่นยิ่งขึ้น
ขั้นตอนการตรวจรับงานพิมพ์: Checklist ที่คุณห้ามพลาด!
การตรวจรับงานพิมพ์และอุปกรณ์ควรทำอย่างเป็นขั้นเป็นตอนและละเอียดถี่ถ้วน เพื่อให้มั่นใจว่าทุกอย่างถูกต้องครบถ้วนสมบูรณ์แบบ ก่อนนำไปสู่ขั้นตอนการติดตั้งจริง นี่คือ Checklist ที่ผู้เชี่ยวชาญแนะนำ:
ขั้นตอนที่ 1: ตรวจสอบเอกสารอ้างอิงและใบสั่งซื้อ
สิ่งแรกที่ต้องทำเมื่อได้รับงานคือการเปรียบเทียบสิ่งที่ได้รับกับเอกสารสั่งซื้อของคุณ เพื่อให้แน่ใจว่างานที่ส่งมานั้นเป็นไปตามข้อตกลง
- ชื่อลูกค้า/ชื่อบริษัท: ตรวจสอบว่าระบุถูกต้องตรงกับชื่อที่คุณสั่งหรือไม่ เพื่อป้องกันการสลับงานกับลูกค้าอื่น
- รายละเอียดงาน/ชื่อโปรเจกต์: งานที่ได้รับตรงกับโปรเจกต์ที่คุณสั่งไปหรือไม่ อาจจะฟังดูง่าย แต่การมีหลายโปรเจกต์พร้อมกันอาจทำให้เกิดความสับสนได้
- จำนวนและขนาด: นับจำนวนชิ้นงานและวัดขนาดป้าย/สื่อสิ่งพิมพ์ให้ถูกต้องตามที่ระบุในใบสั่งซื้อ และเทียบกับไฟล์งาน
- เคล็ดลับ: หากสั่งจำนวนมาก อาจสุ่มตรวจเป็นบางชิ้น หรือแบ่งเป็นกองๆ แล้วนับ
- วัสดุและเทคนิคการพิมพ์: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าวัสดุที่ใช้ (เช่น ไวนิล, ฟิวเจอร์บอร์ด, PP Film, อะคริลิค) และเทคนิคการพิมพ์ (เช่น Inkjet, UV) ตรงตามที่ตกลงกันไว้หรือไม่ สัมผัสเนื้อวัสดุและดูความหนา
- กำหนดส่งงาน: ตรวจสอบว่างานมาส่งตรงตามกำหนดเวลาหรือไม่ หากล่าช้า อาจส่งผลกระทบต่อแผนการติดตั้งและเปิดตัว
ขั้นตอนที่ 2: ตรวจสอบความถูกต้องของไฟล์งานเทียบกับงานจริง (Proofing)
นี่คือขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการตรวจสอบความถูกต้องของเนื้อหาและดีไซน์
- ตรวจสอบไฟล์งานต้นฉบับ (Soft Proof):
- ข้อความและตัวสะกด: อ่านทวนข้อความทุกตัวอักษรบนป้ายว่าถูกต้องตามไฟล์ต้นฉบับหรือไม่ ไม่มีตกหล่น พิมพ์ผิด สะกดผิด หรือวรรคตอนผิด
- เบอร์โทรศัพท์, เว็บไซต์, QR Code: ตรวจสอบข้อมูลติดต่อที่สำคัญเหล่านี้ให้ถูกต้อง 100% และลองสแกน QR Code ดูว่าลิงก์ไปยังปลายทางที่ถูกต้องหรือไม่
- โลโก้และกราฟิก: ตรวจสอบว่าโลโก้และกราฟิกต่างๆ ถูกต้องตาม Brand Guideline หรือไม่ ไม่มีเพี้ยน บิดเบี้ยว หรือตกขอบ
- ตำแหน่งการจัดวาง: ดูการจัดวางองค์ประกอบต่างๆ ว่าอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมตามที่ออกแบบไว้หรือไม่
- ระยะตัดตก (Bleed Area) และระยะปลอดภัย (Safe Zone): หากงานของคุณมีการตัดขอบ ตรวจสอบว่ามีระยะเผื่อตัดตกที่ถูกต้อง และไม่มีข้อความหรือรูปสำคัญอยู่นอก Safe Zone ที่จะถูกตัดออกไป
- เปรียบเทียบกับงานพิมพ์ตัวอย่าง (Hard Proof/Sample Print):
- หากมีการทำ Hard Proof หรือส่ง Sample Print มาให้ดูก่อน ควรนำ Hard Proof นั้นมาเปรียบเทียบกับงานจริงที่ได้รับอย่างละเอียด โดยเฉพาะเรื่องของสีสันและความคมชัด
- ข้อควรระวัง: บางครั้ง Hard Proof อาจจะทำบนวัสดุและเครื่องพิมพ์คนละชนิดกับงานจริง ทำให้สีอาจแตกต่างกันเล็กน้อย ควรสอบถามผู้ผลิตล่วงหน้า
ขั้นตอนที่ 3: ตรวจสอบคุณภาพงานพิมพ์และวัสดุ (Quality Control)
นอกเหนือจากความถูกต้องแล้ว คุณภาพของงานพิมพ์ก็สำคัญไม่แพ้กัน
- สี (Color Accuracy):
- ความสม่ำเสมอของสี: สีทั่วทั้งป้ายมีความสม่ำเสมอหรือไม่ ไม่มีสีด่าง สีเพี้ยน หรือสีที่ไม่ทั่วถึง
- ความใกล้เคียงกับไฟล์ต้นฉบับ/ตัวอย่างสี: สีที่พิมพ์ออกมาตรงกับสีในไฟล์ต้นฉบับมากน้อยแค่ไหน (โดยเฉพาะสี CMYK และ Pantone ถ้ามีการระบุ) ควรตรวจสอบภายใต้สภาพแสงที่เหมาะสม
- เคล็ดลับ: หากมีสีเฉพาะของแบรนด์ (Brand Color) ควรมีตัวอย่างสี (Color Swatch) ที่ได้รับการรับรองจากแบรนด์ เพื่อใช้เปรียบเทียบ
- ความคมชัด (Sharpness & Resolution):
- ตรวจสอบว่ารูปภาพและตัวอักษรมีความคมชัด ไม่แตกเบลอ หรือเป็นพิกเซล (โดยเฉพาะเมื่อมองจากระยะใกล้)
- ดูรายละเอียดของภาพถ่ายว่าคมชัดทุกจุดหรือไม่
- รอยตำหนิ (Defects):
- รอยขีดข่วน/รอยพับ: ตรวจสอบทั่วทั้งผืนป้ายว่ามีรอยขีดข่วน รอยพับ หรือรอยยับที่เกิดจากการผลิตหรือการขนส่งหรือไม่
- คราบหมึก/คราบสกปรก: ดูว่ามีคราบหมึกเลอะ คราบสกปรก หรือรอยนิ้วมือบนงานพิมพ์หรือไม่
- ฟองอากาศ/ฟิล์มหลุด (สำหรับงานเคลือบ): หากงานมีการเคลือบ ตรวจสอบว่ามีฟองอากาศ หรือฟิล์มที่ใช้เคลือบหลุดลอกหรือไม่
- จุดบอด/สีไม่ติด: ตรวจสอบว่ามีจุดที่สีไม่ติด หรือมีส่วนที่เป็นสีขาว/สีของวัสดุโผล่ขึ้นมาหรือไม่
- การตัด/ไดคัท (Cutting & Die-cut):
- ความตรงและความแม่นยำ: ตรวจสอบว่ารอยตัดตรง ได้ฉาก และเรียบร้อยหรือไม่ หากมีการไดคัทเป็นรูปทรงพิเศษ ต้องแน่ใจว่าตัดได้ตามรูปทรงที่ต้องการและขอบเรียบคม
- การเจาะตาไก่/การเย็บขอบ (สำหรับไวนิล/แบนเนอร์): ตรวจสอบว่าตาไก่เจาะในตำแหน่งที่ถูกต้อง ระยะห่างสม่ำเสมอ และแข็งแรงหรือไม่ การเย็บขอบเรียบร้อยและแน่นหนาหรือไม่
- การเข้าเล่ม/การประกอบ (Finishing & Assembly):
- สำหรับงานพิมพ์ที่มีหลายหน้า หรือต้องมีการประกอบ เช่น หนังสือ, แคตตาล็อก, กล่อง, กล่องไฟ ตรวจสอบว่าเข้าเล่มถูกต้อง หน้าไม่สลับ มีการพับหรือประกอบได้ตามแบบ
- ตรวจสอบความแข็งแรงของจุดเชื่อมต่อหรือกาวที่ใช้ยึด
- กลิ่น (Odor):
- งานพิมพ์บางชนิด โดยเฉพาะงานพิมพ์ขนาดใหญ่ที่ใช้หมึกบางประเภท อาจมีกลิ่นฉุนเล็กน้อย ควรตรวจสอบว่ากลิ่นนั้นอยู่ในระดับที่ยอมรับได้หรือไม่ โดยเฉพาะหากจะนำไปติดตั้งในพื้นที่ปิด
- ความทนทานของวัสดุ (Material Durability):
- หากเป็นป้ายสำหรับภายนอกอาคาร ลองสัมผัสหรือทดสอบความแข็งแรงของวัสดุและหมึกพิมพ์ (เช่น ลองใช้นิ้วถูเบาๆ ที่หมึก เพื่อดูว่าหมึกหลุดลอกหรือไม่) เพื่อให้แน่ใจว่าจะทนทานต่อสภาพอากาศ
ขั้นตอนที่ 4: ตรวจสอบอุปกรณ์ประกอบ/โครงสร้าง (Hardware Check)
สำหรับป้ายที่มาพร้อมโครงสร้างหรืออุปกรณ์สำหรับติดตั้ง เช่น Roll Up, X-Stand, หรือโครงป้ายต่างๆ
- ความครบถ้วนของชิ้นส่วน: นับจำนวนชิ้นส่วนทั้งหมดว่าครบถ้วนตามคู่มือการประกอบหรือไม่ (เช่น ขาตั้ง, เสา, ตัวล็อก, น็อต)
- สภาพความสมบูรณ์ของชิ้นส่วน: ตรวจสอบว่าไม่มีชิ้นส่วนไหนหักงอ บุบ ขีดข่วน หรือชำรุดเสียหาย
- ทดลองประกอบ (ถ้าเป็นไปได้): หากเป็นอุปกรณ์ที่ไม่ซับซ้อนมากนัก ลองทดลองประกอบดูว่าสามารถประกอบได้จริงและแข็งแรงหรือไม่
- ความเข้ากันได้ระหว่างงานพิมพ์กับอุปกรณ์: ตรวจสอบว่างานพิมพ์สามารถติดตั้งเข้ากับอุปกรณ์ประกอบได้อย่างพอดี ไม่หลวมหรือแน่นจนเกินไป
ขั้นตอนที่ 5: การบรรจุหีบห่อและการจัดส่ง
การบรรจุหีบห่อที่ดีจะช่วยป้องกันความเสียหายระหว่างการขนส่ง
- ความเรียบร้อยของการแพ็ค: งานพิมพ์ถูกแพ็คมาอย่างดีหรือไม่ ม้วนเก็บเรียบร้อย ห่อหุ้มด้วยวัสดุป้องกัน
- การป้องกันความเสียหาย: มีการใช้วัสดุกันกระแทก หรืออุปกรณ์เสริมในการป้องกันความเสียหายระหว่างการขนส่งหรือไม่
- การระบุข้อมูลบนบรรจุภัณฑ์: มีการระบุชื่อลูกค้า, ชื่อโปรเจกต์, จำนวนชิ้น, หรือข้อควรระวังในการขนส่งอย่างชัดเจนหรือไม่
เคล็ดลับจากผู้เชี่ยวชาญ: ยกระดับการตรวจรับให้เหนือกว่า
นอกเหนือจาก Checklist ข้างต้นแล้ว ยังมีเคล็ดลับเพิ่มเติมที่จะช่วยให้การตรวจรับงานของคุณมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
- การสื่อสารที่ชัดเจนกับผู้ผลิตตั้งแต่ต้น: ก่อนสั่งงาน ควรมีการคุยรายละเอียดให้ชัดเจน ตั้งแต่ขนาด, วัสดุ, เทคนิคการพิมพ์, ระบบสี (CMYK/RGB/Pantone), กำหนดส่ง, และเงื่อนไขการตรวจรับและเคลมงาน เพื่อป้องกันความเข้าใจผิด
- การทำ Proofing ให้ดีที่สุด: ควรขอ Hard Proof หรือ Sample Print เสมอ (ถ้าเป็นไปได้) และพิจารณาให้ละเอียดถี่ถ้วน เพราะสิ่งที่คุณเห็นบนหน้าจอคอมพิวเตอร์อาจแตกต่างจากงานพิมพ์จริง
- การกำหนดผู้รับผิดชอบการตรวจรับ: มอบหมายให้พนักงานที่มีความเข้าใจในงานพิมพ์และมีความละเอียดรอบคอบ เป็นผู้รับผิดชอบในการตรวจรับโดยเฉพาะ
- การถ่ายรูปบันทึกหลักฐาน: ถ่ายรูปงานพิมพ์และอุปกรณ์ที่ได้รับ ทั้งในสภาพที่ดีและหากพบจุดบกพร่อง ควรมีรูปถ่ายประกอบเพื่อใช้เป็นหลักฐานในการแจ้งเคลมกับผู้ผลิต
- การตรวจสอบในสภาพแสงจริง: หากป้ายจะถูกนำไปติดตั้งในที่ที่มีแสงสว่างเฉพาะ (เช่น ใต้ไฟสปอตไลท์, กลางแจ้ง) ควรลองนำชิ้นงานไปตรวจสอบภายใต้สภาพแสงใกล้เคียงกับสถานที่จริง เพื่อดูการแสดงผลของสี
- เตรียมชุดอุปกรณ์ตรวจสอบพื้นฐาน: เช่น ตลับเมตรสำหรับวัดขนาด, แว่นขยายสำหรับดูรายละเอียดความคมชัด, ไฟฉายสำหรับส่องหาตำหนิในมุมอับ
- กำหนดเกณฑ์การยอมรับงานล่วงหน้า: พูดคุยกับผู้ผลิตให้ชัดเจนว่าเกณฑ์การยอมรับงานของคุณเป็นอย่างไร (เช่น สีเพี้ยนได้ไม่เกินกี่ %, รอยขีดข่วนเล็กน้อยยอมรับได้หรือไม่) เพื่อให้มีมาตรฐานในการประเมินร่วมกัน
ปัญหาที่พบบ่อยในการตรวจรับและวิธีแก้ไขเฉพาะหน้า
แม้จะตรวจรับอย่างละเอียด แต่บางครั้งก็อาจมีปัญหาเกิดขึ้นได้ นี่คือปัญหาพบบ่อยและแนวทางแก้ไขเบื้องต้น
- สีเพี้ยน:
- สาเหตุ: การตั้งค่าสีไม่ตรงกันระหว่างไฟล์กับเครื่องพิมพ์, การเลือกโปรไฟล์สีผิด, การใช้หมึกคุณภาพต่ำ
- แก้ไขเฉพาะหน้า: หากเพี้ยนเล็กน้อยและยอมรับได้ ให้แจ้งผู้ผลิตรับทราบเพื่อเป็นข้อมูลในการปรับปรุง หากเพี้ยนมากและยอมรับไม่ได้ ต้องแจ้งเคลมและขอพิมพ์ใหม่ทันที พร้อมแนบหลักฐาน (รูปถ่าย, ตัวอย่างสี)
- งานไม่คมชัด/แตก:
- สาเหตุ: ไฟล์ต้นฉบับความละเอียดต่ำ, การตั้งค่าการพิมพ์ไม่ถูกต้อง
- แก้ไขเฉพาะหน้า: ตรวจสอบไฟล์ต้นฉบับของคุณ หากไฟล์ต้นฉบับคมชัด แสดงว่าเกิดจากกระบวนการผลิต ควรแจ้งเคลมและขอพิมพ์ใหม่
- มีรอยตำหนิ/คราบสกปรก:
- สาเหตุ: เกิดจากการผลิต, การหยิบจับไม่ระมัดระวัง, การแพ็คหรือขนส่งไม่ดี
- แก้ไขเฉพาะหน้า: หากรอยเล็กน้อยและอยู่ในจุดที่ไม่สำคัญ อาจพิจารณาใช้ไปก่อน หากรอยใหญ่หรืออยู่ในจุดที่มองเห็นชัดเจน ควรแจ้งเคลมและขอเปลี่ยนชิ้นงาน
- ขนาดผิด:
- สาเหตุ: การอ่านค่าผิดพลาด, การตั้งค่าพิมพ์ผิดสเกล
- แก้ไขเฉพาะหน้า: ต้องแจ้งเคลมและขอพิมพ์ใหม่ทันที เพราะขนาดที่ไม่ถูกต้องจะส่งผลต่อการติดตั้งอย่างแน่นอน
- อุปกรณ์ไม่ครบ/ชำรุด:
- สาเหตุ: การบรรจุหีบห่อผิดพลาด, การขนส่งที่ไม่ระมัดระวัง
- แก้ไขเฉพาะหน้า: แจ้งผู้ผลิตให้ส่งชิ้นส่วนที่ขาดหรือชำรุดมาให้โดยเร็วที่สุด หากจำเป็นต้องใช้งานด่วน ลองสอบถามว่ามีชิ้นส่วนสำรองให้ใช้ชั่วคราวหรือไม่
สร้างความมั่นใจในทุกงานพิมพ์: เลือกผู้ผลิตที่มีมาตรฐาน (แนวคิดการส่งเสริมการขาย)
การตรวจรับงานพิมพ์เป็นสิ่งสำคัญก็จริง แต่การเลือก ผู้ผลิตงานพิมพ์ที่มีคุณภาพและมาตรฐาน ตั้งแต่ต้น ก็เป็นก้าวแรกที่สำคัญที่สุดที่จะช่วยลดปัญหาและสร้างความมั่นใจให้กับคุณ
ที่ [ชื่อบริษัทของคุณ] เราเข้าใจถึงความต้องการและข้อกังวลของลูกค้าในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การออกแบบไปจนถึงการติดตั้ง เราจึงให้ความสำคัญกับ:
- ทีมงานผู้เชี่ยวชาญ: กราฟิกดีไซเนอร์และช่างเทคนิคที่มีประสบการณ์ พร้อมให้คำปรึกษาและใส่ใจในทุกรายละเอียดของงานพิมพ์ของคุณ
- เทคโนโลยีการพิมพ์ที่ทันสมัย: เราใช้เครื่องพิมพ์คุณภาพสูง พร้อมหมึกพิมพ์และวัสดุที่ได้มาตรฐาน เพื่อให้งานพิมพ์ของคุณมีสีสันคมชัด ทนทาน และตรงตามความต้องการ
- กระบวนการควบคุมคุณภาพที่เข้มงวด: ทุกชิ้นงานของเราผ่านการตรวจสอบอย่างละเอียดในทุกขั้นตอนการผลิต เพื่อให้มั่นใจว่าคุณจะได้รับงานที่สมบูรณ์แบบไร้ที่ติ
- บริการ Proofing ที่แม่นยำ: เราให้ความสำคัญกับการทำ Proofing เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจว่าสีและรายละเอียดจะตรงตามที่ต้องการก่อนการผลิตจริง
- การบรรจุและจัดส่งอย่างปลอดภัย: เราแพ็คงานพิมพ์และอุปกรณ์อย่างดี เพื่อป้องกันความเสียหายระหว่างการขนส่ง และจัดส่งถึงมือคุณอย่างรวดเร็ว
PIM 24 โรงพิมพ์อุปกรณ์ออกบูธ เพื่อใช้ในงานโฆษณาแบบครบวงจร
โรงพิมพ์อุปกรณ์ออกบูธ งานพิมพ์ผ้า งานพิมพ์ Inkjet งานพิมพ์ Digital Offset งานพิมพ์ Offset กล่องแพ็คเกจจิ้ง สั่งผลิตจำนวนมาก ราคาพิเศษ เพื่อใช้ในงานการตลาดการขายและโฆษณาแบบครบวงจร
ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายอุปกรณ์ออกบูธคุณภาพ เช่น การทำ แบคดรอปผ้า (backdrop ผ้า), โรลอัพผ้า (roll up), กล่องไฟผ้า (fabric lightbox), เคาน์เตอร์ผ้า (fabric counter), ธงญี่ปุ่น (J-Flag), กล่องลูกฟูก, ฉลากสินค้า, กล่องแพ็คเกจจิ้ง ครบวงจรราคาดีที่สุด ผลิตเร็ว ราคาถูก ส่งรวดเร็ว คุณภาพมาตรฐานระดับสากล
สนใจสอบถามสินค้า >>> https://lin.ee/5CenwJj
หรือโทร. ติดต่อฝ่ายขาย
081-247-3560 (Sale ใหม่)
081-247-3562 (Sale ตูน)
081-247-3563 (Sale มด)
081-247-3564 (Sale ส้ม)