การวางแผนการตลาดสำหรับ งานแสดงสินค้า : เริ่มต้นอย่างไรดี?

งานแสดงสินค้า

งานแสดงสินค้า หรือ Trade Show ถือเป็นหนึ่งในกิจกรรมทางการตลาดที่ทรงพลังที่สุดสำหรับธุรกิจทุกขนาด ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจ SME หรือองค์กรขนาดใหญ่ งานแสดงสินค้าเปิดโอกาสให้แบรนด์ได้พบปะกับลูกค้าโดยตรง สร้างความน่าเชื่อถือ และต่อยอดไปสู่การขายหรือการสร้างพันธมิตรทางธุรกิจในอนาคต แต่การจะเข้าร่วมงานแสดงสินค้าให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีนั้น ต้องเริ่มต้นจากการวางแผนการตลาดอย่างรอบคอบ บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจวิธีการวางแผนตั้งแต่ขั้นตอนแรกจนถึงการติดตามผลหลังจบงาน

แล้วการวางแผนการตลาดสำหรับ งานแสดงสินค้า ควรเริ่มต้นอย่างไรดี? วันนี้เรามีคำตอบ

1. กำหนดเป้าหมายอย่างชัดเจน

เป้าหมายคือเข็มทิศสำคัญของการวางแผน ไม่ว่าคุณจะเข้าร่วมงานเพื่อเปิดตัวสินค้าใหม่ เก็บรายชื่อผู้มุ่งหวัง (Leads) ขยายตลาด หรือต้องการสร้างการรับรู้แบรนด์ การระบุเป้าหมายที่ชัดเจนจะช่วยให้คุณกำหนดกลยุทธ์ที่เหมาะสมได้ เช่น หากเป้าหมายคือการขายตรง คุณอาจต้องเตรียมโปรโมชั่นเฉพาะกิจหรือการสาธิตสินค้าอย่างโดดเด่น

2. ศึกษาผู้จัดงานและลักษณะของงาน

การเลือกงานแสดงสินค้าที่เหมาะสมกับสินค้าและกลุ่มเป้าหมายเป็นสิ่งสำคัญ ตรวจสอบว่างานนั้นมีผู้เข้าร่วมจากกลุ่มไหนบ้าง มีผู้จัดงานที่มีความน่าเชื่อถือหรือไม่ เคยมีสถิติผู้เข้าร่วมเท่าไหร่ และมีแบรนด์ใดเข้าร่วมบ้าง สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ว่างานนี้คุ้มค่ากับการลงทุนหรือไม่

3. วางแผนงบประมาณอย่างรอบคอบ

งบประมาณต้องครอบคลุมทุกด้าน ไม่ใช่แค่ค่าเช่าพื้นที่ แต่รวมถึงค่าออกแบบและผลิตบูธ ค่าพนักงาน ค่าเดินทาง ค่าพิมพ์เอกสารโฆษณา สื่อส่งเสริมการขาย ของที่ระลึก รวมถึงงบประมาณสำหรับการประชาสัมพันธ์ก่อนและหลังงาน การจัดทำงบประมาณที่ดีจะช่วยป้องกันปัญหาขาดทุนหรือค่าใช้จ่ายบานปลาย

4. ออกแบบบูธให้สะดุดตาและใช้งานได้จริง

การออกแบบบูธถือเป็นจุดสำคัญที่สุดในงานแสดงสินค้า เพราะเป็นสิ่งแรกที่ดึงดูดผู้เข้าร่วมงาน ควรใช้สี โลโก้ และข้อความที่สื่อถึงแบรนด์อย่างชัดเจน รวมถึงจัดวางพื้นที่ให้เหมาะสมกับกิจกรรม เช่น พื้นที่สาธิตสินค้า พื้นที่เจรจาธุรกิจ หรือพื้นที่สำหรับแจกของชำร่วย อย่าลืมคำนึงถึงการใช้งานจริง เช่น ความสะดวกในการติดตั้ง รื้อถอน และขนย้าย

5. สื่อสารการตลาดก่อนวันงาน

การโปรโมตก่อนวันงานมีบทบาทสำคัญในการดึงดูดผู้เข้าชมบูธ ใช้ช่องทางการสื่อสารที่หลากหลาย เช่น โพสต์ในโซเชียลมีเดีย ส่งอีเมลถึงฐานลูกค้าเดิม ทำแคมเปญโฆษณาออนไลน์ หรือประชาสัมพันธ์ผ่านเว็บไซต์บริษัท แจ้งหมายเลขบูธ วันที่ และสิ่งที่น่าสนใจภายในบูธ เช่น กิจกรรมแจกของรางวัล การเปิดตัวสินค้าใหม่ เป็นต้น

6. เตรียมทีมงานให้พร้อม

ทีมงานที่อยู่ประจำบูธควรได้รับการฝึกอบรมเกี่ยวกับสินค้า วิธีการสื่อสารกับผู้เข้าชม เทคนิคการขาย และการเก็บข้อมูลลูกค้าอย่างเป็นระบบ หากมีทีมที่มีความเชี่ยวชาญและบริการดี จะช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับแบรนด์ และเพิ่มโอกาสในการปิดการขายหรือสร้างความสัมพันธ์ระยะยาว

7. วางแผนกิจกรรมในบูธ

กิจกรรมที่หลากหลาย เช่น การสาธิตสินค้า การแจกของรางวัล เกมชิงโชค หรือการเชิญอินฟลูเอนเซอร์มาเยี่ยมชม จะช่วยเพิ่มการมีส่วนร่วมและทำให้บูธของคุณเป็นที่จดจำ อย่าลืมให้ทีมงานบันทึกข้อมูลผู้สนใจอย่างครบถ้วน เช่น ชื่อ เบอร์โทร อีเมล และความต้องการ เพื่อใช้ในกระบวนการติดตามภายหลัง

8. ติดตามผลหลังงาน

เมื่อจบงาน ไม่ควรปล่อยให้ข้อมูลที่ได้มาสูญเปล่า ควรมีแผนการติดตามลูกค้าที่ชัดเจน เช่น โทรติดตาม ส่งอีเมลเสนอขายสินค้า ส่งของที่ระลึก หรือนัดหมายเพื่อเจรจาธุรกิจต่อไป นอกจากนี้ควรประเมินผลความสำเร็จของงานในแต่ละด้าน เช่น จำนวน Leads ที่ได้ ยอดขายที่เกิดขึ้น หรือการเพิ่มการรับรู้แบรนด์ เพื่อนำข้อมูลไปปรับปรุงในงานครั้งต่อไป

9. ประเมินผลและเรียนรู้

สรุปผลทั้งเชิงปริมาณและคุณภาพ เช่น ค่าใช้จ่ายรวม ผลตอบแทนที่ได้รับ ความคิดเห็นจากทีมงานและผู้เข้าร่วมงาน การประเมินผลที่ดีจะช่วยให้คุณเห็นจุดแข็ง จุดอ่อน และวางแผนงานครั้งหน้าได้อย่างแม่นยำมากขึ้น

สรุป

การวางแผนการตลาดสำหรับงานแสดงสินค้าเป็นกระบวนการที่ต้องใช้ทั้งความคิดสร้างสรรค์และความเป็นระบบ หากดำเนินการอย่างรอบคอบตั้งแต่ต้นจนจบ จะสามารถสร้างโอกาสทางธุรกิจได้อย่างมหาศาล ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มยอดขาย การสร้างแบรนด์ หรือการหาพันธมิตรทางธุรกิจ อย่าลืมว่า “การเตรียมตัวที่ดีคือก้าวแรกสู่ความสำเร็จ” และงานแสดงสินค้าคือเวทีที่พร้อมให้คุณได้เปล่งประกายอย่างแท้จริ


PIM 24 โรงพิมพ์
อุปกรณ์ออกบูธ เพื่อใช้ในงานโฆษณาแบบครบวงจร

โรงพิมพ์อุปกรณ์ออกบูธ งานพิมพ์ผ้า งานพิมพ์ Inkjet งานพิมพ์ Digital Offset งานพิมพ์ Offset กล่องแพ็คเกจจิ้ง สั่งผลิตจำนวนมาก ราคาพิเศษ เพื่อใช้ในงานการตลาดการขายและโฆษณาแบบครบวงจร

ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายอุปกรณ์ออกบูธคุณภาพ เช่น การทำ แบคดรอปผ้า (backdrop ผ้า), โรลอัพผ้า (roll up), กล่องไฟผ้า (fabric lightbox), เคาน์เตอร์ผ้า (fabric counter), ธงญี่ปุ่น (J-Flag), กล่องลูกฟูก, ฉลากสินค้า, กล่องแพ็คเกจจิ้ง ครบวงจรราคาดีที่สุด ผลิตเร็ว ราคาถูก ส่งรวดเร็ว คุณภาพมาตรฐานระดับสากล

สนใจสอบถามสินค้า >>> https://lin.ee/5CenwJj

หรือโทร. ติดต่อฝ่ายขาย

081-247-3560 (Sale ใหม่)
081-247-3562 (Sale ตูน)
081-247-3563 (Sale อีฟ)
081-247-3564 (Sale หมี่)
081-247-3565 (Sale ส้ม)

Share the Post: