ขนาด Backdrop ที่นิยมใช้ในงานแสดงสินค้า

Backdrop

ขนาด Backdrop ที่นิยมใช้ในงานแสดงสินค้า: คู่มือฉบับสมบูรณ์สำหรับนักออกบูธมืออาชีพ (และวิธีเลือกให้ตรงใจคุณที่สุด)

นักออกบูธทุกท่าน! คุณเคยยืนอยู่กลางงานแสดงสินค้าอันแสนวุ่นวาย แล้วรู้สึกไหมว่าบูธของคุณกำลังจะจมหายไปท่ามกลางแสงสีเสียงอันตระการตา? หรือบางทีคุณอาจกำลังนั่งขบคิดว่าจะเลือก ขนาด Backdrop ที่นิยมใช้ในงานแสดงสินค้า แบบไหนดีให้คุ้มค่ากับงบประมาณและพื้นที่อันจำกัด ไม่ต้องห่วงครับ! เพราะวันนี้ผมจะมาเปิดอกคุยกันอย่างหมดเปลือกในฐานะคนที่คลุกคลีอยู่กับวงการนี้มานานนับทศวรรษ ผมเข้าใจดีว่าการเลือก ขนาด Backdrop ที่เหมาะสมนั้นไม่ใช่แค่เรื่องของตัวเลข แต่คือหัวใจสำคัญที่จะช่วยสร้างความประทับใจแรกพบ ดึงดูดสายตา และสื่อสารความเป็นคุณได้อย่างทรงพลัง

การจัดแสดงสินค้า ทุกตารางนิ้วมีความหมาย และทุกองค์ประกอบต้องทำงานร่วมกันเพื่อสร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำ แต่ในบรรดาเครื่องมือทางการตลาดมากมายที่ใช้ในงานแสดงสินค้า Backdrop มักถูกมองข้าม หรือบางครั้งก็ถูกเลือกอย่างลวก ๆ ทั้งที่มันคือ “ฉากหลัง” ที่จะบอกเล่าเรื่องราวแบรนด์ของคุณ สร้างบรรยากาศ และเป็นด่านแรกที่เชื้อเชิญให้ผู้คนก้าวเข้ามาในพื้นที่ของคุณ

บทความนี้จะเจาะลึกทุกแง่มุมของ ขนาด Backdrop ที่นิยมใช้ในงานแสดงสินค้า ตั้งแต่ขนาดมาตรฐานที่เราเห็นกันบ่อย ๆ ไปจนถึงปัจจัยสำคัญที่ต้องพิจารณาในการเลือก ทั้งเรื่องพื้นที่ วัสดุ การออกแบบ ไปจนถึงเทคนิคการติดตั้ง เพื่อให้คุณมีข้อมูลครบถ้วนราวกับมีผู้เชี่ยวชาญส่วนตัวมานั่งคุยด้วยเลยล่ะครับ เตรียมพร้อมที่จะยกระดับบูธของคุณให้โดดเด่นเหนือใครในงานครั้งต่อไปกันได้เลย!

ส่วนที่ 1: ทำความเข้าใจภาพรวมของBackdrop และงานแสดงสินค้า

ก่อนที่เราจะดำดิ่งลงไปในโลกของตัวเลขและหน่วยวัด สิ่งสำคัญคือเราต้องเข้าใจแก่นแท้ของ Backdrop และบริบทของงานแสดงสินค้าเสียก่อน เพราะการเข้าใจพื้นฐานเหล่านี้จะช่วยให้การตัดสินใจเลือก ขนาด Backdrop ของคุณมีเหตุผลและมีประสิทธิภาพมากที่สุด

Backdrop คืออะไร? ทำไมต้องมี?

ถ้าจะให้อธิบายง่าย ๆ Backdrop ก็คือฉากหลังขนาดใหญ่ที่เราใช้ตกแต่งบูธในงานแสดงสินค้า ไม่ว่าจะเป็นงาน B2B (Business to Business), B2C (Business to Consumer), งานสัมมนา, งานเปิดตัวสินค้า หรือแม้กระทั่งงานอีเว้นท์เล็ก ๆ ในโรงแรม

แล้วทำไมต้องมีล่ะ? ลองคิดภาพบูธที่โล่ง ๆ ไร้ซึ่งฉากหลังดูสิครับ มันคงจะดูจืดชืด ไม่น่าสนใจ และแทบจะไม่มีอะไรบอกเล่าเรื่องราวของแบรนด์เลยใช่ไหมครับ? นี่แหละคือเหตุผลว่าทำไม Backdrop จึงสำคัญ:

  • จุดโฟกัสและดึงดูดสายตา: ในงานที่มีผู้คนพลุกพล่าน Backdrop ที่ออกแบบมาดีและมี ขนาด ที่เหมาะสม จะทำหน้าที่เป็นแม่เหล็กดึงดูดสายตาผู้คนให้หันมามองบูธของคุณ
  • สื่อสารแบรนด์และข้อความหลัก: เป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ที่สุดในการแสดงโลโก้ สโลแกน รูปภาพสินค้า หรือข้อความสำคัญที่ต้องการสื่อสารให้กลุ่มเป้าหมายรับทราบได้อย่างรวดเร็วและชัดเจน
  • สร้างบรรยากาศและเอกลักษณ์: สีสัน กราฟิก และรูปแบบของ Backdrop สามารถสร้างบรรยากาศที่สอดคล้องกับภาพลักษณ์ของแบรนด์ ไม่ว่าจะดูเป็นทางการ ทันสมัย สนุกสนาน หรือหรูหรา
  • พื้นหลังสำหรับถ่ายภาพ: ในยุคโซเชียลมีเดีย Backdrop ที่สวยงามคือมุมถ่ายภาพที่สมบูรณ์แบบ ช่วยให้ผู้เข้าชมแชร์ภาพบูธของคุณออกไปในวงกว้าง สร้าง Viral Marketing ได้อย่างไม่ตั้งใจ
  • สร้างความน่าเชื่อถือและเป็นมืออาชีพ: Backdrop ที่มีคุณภาพ สะท้อนถึงความใส่ใจและจริงจังในการดำเนินธุรกิจของคุณ

ประเภทของงานแสดงสินค้าที่แตกต่างกัน และผลต่อการเลือก Backdrop

งานแสดงสินค้ามีหลากหลายรูปแบบ ซึ่งแต่ละรูปแบบก็มีลักษณะเฉพาะที่ส่งผลต่อการเลือก ขนาด Backdrop และดีไซน์ที่เหมาะสม:

  • งาน B2B (Business to Business): เน้นการเจรจาธุรกิจ สร้างคอนเนกชั่น และนำเสนอโซลูชั่นสำหรับองค์กร Backdrop ในงานประเภทนี้มักจะเน้นความน่าเชื่อถือ ข้อมูลที่ชัดเจน และภาพลักษณ์ที่ดูเป็นมืออาชีพ ขนาด ที่ใช้ก็อาจจะสัมพันธ์กับขนาดของสินค้าหรือบริการที่นำเสนอ
  • งาน B2C (Business to Consumer): เน้นการขายปลีก โปรโมชั่น และการสร้างประสบการณ์ร่วมกับผู้บริโภค Backdrop จะเน้นความสวยงาม ดึงดูดสายตา มีสีสันสดใส หรือมีลูกเล่นเพื่อกระตุ้นความสนใจของผู้คนจำนวนมาก
  • งานเฉพาะทาง (Niche Market): เช่น งานแสดงเทคโนโลยี, งานแสดงอาหาร, งานแฟชั่น, งานแต่งงาน Backdrop ควรสะท้อนถึงธีมและกลุ่มเป้าหมายเฉพาะทางนั้น ๆ อาจมี ขนาด ที่แตกต่างกันไปตามลักษณะของผลิตภัณฑ์
  • งานทั่วไป/งานแฟร์: มีผู้เข้าชมหลากหลาย Backdrop ควรมีความยืดหยุ่นในการสื่อสาร และสามารถดึงดูดความสนใจจากวงกว้างได้

ปัจจัยพื้นฐานที่ต้องพิจารณาก่อนเลือกขนาด Backdrop

ก่อนที่เราจะกระโดดไปดูตัวเลขกัน มาดูกันว่ามีปัจจัยอะไรบ้างที่คุณต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เพื่อให้การเลือก ขนาด Backdrop ของคุณไม่ผิดพลาด:

  1. ขนาดพื้นที่บูธ (สำคัญที่สุด!): นี่คือข้อจำกัดที่ใหญ่ที่สุดของคุณเลยก็ว่าได้ คุณต้องรู้ขนาดบูธที่จองไว้เป๊ะ ๆ (กว้าง x ลึก x สูง) เพื่อให้เลือก Backdrop ที่ไม่ใหญ่เกินไปจนกินพื้นที่ หรือเล็กเกินไปจนดูไม่สมส่วน อย่าลืมเผื่อพื้นที่สำหรับวางเคาน์เตอร์ สินค้า โต๊ะ เก้าอี้ และทางเดินด้วยนะครับ
  2. งบประมาณ: แน่นอนว่า ขนาด Backdrop ที่ใหญ่ขึ้น วัสดุที่ซับซ้อนขึ้น ย่อมหมายถึงงบประมาณที่สูงขึ้น คุณต้องกำหนดงบประมาณที่ชัดเจนไว้ตั้งแต่แรก เพื่อให้เลือกสิ่งที่เหมาะสมที่สุด
  3. ลักษณะของสินค้า/บริการที่จัดแสดง:
    • สินค้าขนาดเล็ก/บริการ: อาจไม่จำเป็นต้องใช้ Backdrop ขนาดมหึมา เน้นการออกแบบที่สวยงามและข้อมูลที่ชัดเจนก็พอ
    • สินค้าขนาดใหญ่/ต้องการพื้นที่โชว์เยอะ: เช่น รถยนต์ เครื่องจักร เฟอร์นิเจอร์ หรือการจัดแสดงที่ต้องการความอลังการ อาจจำเป็นต้องใช้ Backdrop ที่มี ขนาด ใหญ่เป็นพิเศษ
    • ต้องการพื้นที่จัดกิจกรรม: ถ้าบูธของคุณมีเวทีเล็ก ๆ สำหรับนำเสนอ หรือจัด Workshop Backdrop ควรมี ขนาด ที่รองรับพื้นที่กิจกรรมนั้น ๆ
  4. เป้าหมายหลักของการออกบูธ:
    • สร้างแบรนด์/สร้างการรับรู้: เน้น Backdrop ที่มีโลโก้เด่นชัด ข้อความกระชับ รูปภาพที่สวยงาม
    • ขายสินค้า/บริการโดยตรง: อาจต้องมีพื้นที่สำหรับแสดงราคา โปรโมชั่น หรือ QR Code
    • สร้าง Lead (รายชื่อผู้สนใจ): อาจต้องมี Call to Action ที่ชัดเจน ชวนให้ลงทะเบียนหรือสแกน
    • จัด Workshop/สาธิต: Backdrop ควรมีพื้นที่โล่งพอที่จะไม่บดบังการสาธิต
  5. การออกแบบและกราฟิกที่ต้องการ:
    • มีรายละเอียดเยอะไหม?: ถ้ากราฟิกมีรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เยอะ Backdrop ที่ใหญ่ขึ้นอาจช่วยให้เห็นรายละเอียดชัดขึ้น
    • ต้องการเน้นภาพใหญ่?: เช่น ภาพผลิตภัณฑ์ขนาดใหญ่ ภาพวิวทิวทัศน์ Backdrop ขนาดใหญ่จะช่วยสร้างอิมแพค
  6. การขนส่งและติดตั้ง: Backdrop ขนาดใหญ่ย่อมหมายถึงความยุ่งยากในการขนส่งและติดตั้งที่มากขึ้น คุณมีทีมงานเพียงพอไหม? ต้องจ้างผู้เชี่ยวชาญไหม? โครงสร้างของ Backdrop เป็นแบบไหน? สิ่งเหล่านี้ส่งผลต่อค่าใช้จ่ายและเวลาด้วยครับ

ส่วนที่ 2: เจาะลึกขนาด Backdrop มาตรฐานและที่นิยมใช้

มาถึงหัวใจหลักของบทความนี้กันแล้วครับ เราจะมาดูกันว่า ขนาด Backdrop ที่นิยมใช้ในงานแสดงสินค้า นั้นมีอะไรบ้าง แต่ละขนาดเหมาะกับงานแบบไหน มีข้อดีข้อเสียอย่างไร ผมจะแบ่งเป็นหมวดหมู่เพื่อให้คุณเห็นภาพได้ชัดเจนขึ้นนะครับ

การแบ่งประเภทขนาด Backdrop

โดยทั่วไปแล้ว ขนาด Backdrop ที่เราเห็นกันบ่อย ๆ สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 กลุ่มหลัก ๆ ครับ: ขนาดเล็ก/กลาง, ขนาดใหญ่ และขนาดสั่งทำพิเศษ

2.1 ขนาดเล็ก/กลาง (สำหรับบูธขนาดเล็กหรือพื้นที่จำกัด)

กลุ่มนี้เป็น ขนาด Backdrop ที่ได้รับความนิยมสูงสำหรับผู้ประกอบการ SME หรือบูธที่มีพื้นที่จำกัด ด้วยความคล่องตัวในการติดตั้งและขนส่ง

  • ขนาด 2×2 เมตร (กว้าง 200 x สูง 200 ซม.)
    • ลักษณะ: เป็น Backdrop ขนาดกะทัดรัดที่เหมาะสำหรับบูธขนาดเล็กมากๆ หรือพื้นที่ที่จำกัดสุดๆ เช่น บูธมุมเล็กๆ ในห้างสรรพสินค้า หรือใช้เป็นฉากหลังสำหรับโต๊ะลงทะเบียน
    • ข้อดี:
      • ประหยัดพื้นที่: ใช้พื้นที่น้อยมาก จึงไม่รู้สึกอึดอัดแม้ในบูธที่เล็กที่สุด
      • ติดตั้งง่าย: ส่วนใหญ่เป็นระบบ Pop-up หรือ Tension Fabric ขนาดเล็กที่ติดตั้งได้ด้วยตัวเองภายในไม่กี่นาที
      • เคลื่อนย้ายสะดวก: มีน้ำหนักเบา พับเก็บใส่กระเป๋าหรือกล่องล้อลากได้สบายๆ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องออกบูธบ่อยๆ
      • เหมาะกับงบประมาณจำกัด: ค่าใช้จ่ายในการผลิตและการขนส่งต่ำที่สุด
    • ข้อเสีย:
      • พื้นที่สื่อสารจำกัด: ไม่สามารถใส่ข้อมูลหรือรูปภาพได้เยอะ ต้องเน้นข้อความที่กระชับและภาพที่สื่อความหมายได้ทันที
      • อาจดูไม่โดดเด่นในงานใหญ่: ในงานแสดงสินค้าขนาดใหญ่ที่มีบูธมากมาย Backdrop ขนาดนี้อาจถูกกลืนหายไปได้ง่าย
    • เหมาะกับใคร:
      • ผู้ประกอบการ SME ที่เพิ่งเริ่มต้น หรือมีสินค้าชิ้นเล็ก เช่น เครื่องประดับ อาหารเสริม เครื่องสำอาง
      • ธุรกิจที่เน้นการสร้าง Awareness เล็กๆ น้อยๆ หรือใช้เป็นมุมถ่ายภาพย่อยๆ
      • งานอีเว้นท์ขนาดเล็ก หรือเป็นส่วนหนึ่งของบูธใหญ่ที่ต้องการแยกโซนย่อย
  • ขนาด 3×2.25 เมตร (กว้าง 300 x สูง 225 ซม.) หรือใกล้เคียง
    • ลักษณะ: นี่คือ ขนาด Backdrop ที่ได้รับความนิยมอย่างสูงที่สุด และเป็น ขนาดมาตรฐาน สำหรับบูธขนาด 3×3 เมตร (ซึ่งเป็นบูธขนาดเริ่มต้นที่ผู้จัดงานมักจัดสรรให้) เพราะมันลงตัวพอดีกับความกว้างของบูธ ทำให้ดูเต็มพื้นที่และใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ
    • ข้อดี:
      • ลงตัวกับบูธมาตรฐาน: ไม่เล็กหรือใหญ่เกินไปสำหรับบูธ 3×3 เมตร ทำให้บูธของคุณดูเป็นสัดส่วนและสมบูรณ์
      • พื้นที่สื่อสารพอเหมาะ: มีพื้นที่เพียงพอสำหรับโลโก้ ข้อความสำคัญ และรูปภาพสินค้า/บริการหลัก
      • ยังคงติดตั้งง่าย: ส่วนใหญ่เป็นระบบ Pop-up หรือ Tension Fabric ที่ติดตั้งได้ไม่ยากนัก อาจใช้คน 1-2 คน
      • ดึงดูดสายตาได้ดี: ด้วยขนาดที่พอเหมาะ ทำให้สามารถสร้างความโดดเด่นและดึงดูดความสนใจจากระยะใกล้ได้ดี
    • ข้อเสีย:
      • อาจไม่โดดเด่นในงานขนาดใหญ่มาก: ถ้าอยู่ในฮอลล์แสดงสินค้าขนาดใหญ่มากๆ หรือข้างบูธที่มี Backdrop อลังการกว่า อาจยังดูธรรมดาไปบ้าง
    • เหมาะกับใคร:
      • ธุรกิจส่วนใหญ่ที่ต้องการนำเสนอสินค้า/บริการได้อย่างครบถ้วนในบูธมาตรฐาน
      • แบรนด์ที่ต้องการความสมดุลระหว่างประสิทธิภาพกับงบประมาณ
      • ผู้ที่ออกบูธเป็นประจำและต้องการ Backdrop ที่ใช้งานง่ายและคุ้มค่า

2.2 ขนาดใหญ่ (สำหรับบูธขนาดกลางถึงใหญ่ หรือต้องการความโดดเด่น)

เมื่อคุณต้องการสร้างความประทับใจที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม Backdrop ขนาดใหญ่คือคำตอบ เหมาะสำหรับแบรนด์ที่ต้องการความโดดเด่นและมีพื้นที่บูธที่กว้างขึ้น

  • ขนาด 4×2.25 เมตร (กว้าง 400 x สูง 225 ซม.) หรือ 4×3 เมตร (กว้าง 400 x สูง 300 ซม.)
    • ลักษณะ: เป็น Backdrop ที่มีความกว้างพิเศษ ทำให้ดูอลังการและยิ่งใหญ่กว่า ขนาดมาตรฐาน 3 เมตร เหมาะสำหรับบูธขนาดกลางที่ต้องการยกระดับความน่าสนใจ
    • ข้อดี:
      • สร้างความประทับใจ: ด้วยความกว้างที่เพิ่มขึ้น ทำให้บูธของคุณดูใหญ่และน่าสนใจมากขึ้นจากระยะไกล
      • พื้นที่สื่อสารกว้างขวาง: สามารถใส่รายละเอียดได้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสินค้าหลายชนิด, กราฟิกที่ซับซ้อน, หรือข้อความที่ยาวขึ้น
      • เหมาะสำหรับถ่ายภาพ: มุมกว้างของ Backdrop ช่วยให้ถ่ายภาพรวมของบูธได้สวยงาม
    • ข้อเสีย:
      • ใช้พื้นที่เยอะ: ต้องแน่ใจว่าบูธของคุณมีพื้นที่เพียงพอที่จะรองรับ Backdrop ขนาดนี้ โดยไม่ทำให้บูธดูอึดอัด
      • ขนส่งและติดตั้งซับซ้อนขึ้น: อาจต้องใช้รถยนต์ขนาดใหญ่ขึ้นในการขนส่ง และการติดตั้งอาจต้องใช้คน 2-3 คน หรือใช้เวลามากขึ้น
      • งบประมาณสูงขึ้น: ค่าผลิตและค่าขนส่งย่อมสูงกว่า ขนาดเล็ก/กลาง
    • เหมาะกับใคร:
      • แบรนด์ที่ต้องการสร้างอิมแพคและดึงดูดความสนใจในงานใหญ่
      • ธุรกิจที่ต้องการแสดงสินค้าขนาดใหญ่ เช่น เฟอร์นิเจอร์ หรือยานยนต์จำลอง
      • บูธที่ต้องการแบ่งโซนย่อย หรือมีพื้นที่สำหรับจัดกิจกรรมเล็กๆ
  • ขนาด 6×2.25 เมตร (กว้าง 600 x สูง 225 ซม.) หรือ 6×3 เมตร (กว้าง 600 x สู5300 ซม.)
    • ลักษณะ: นี่คือ Backdrop สำหรับบูธขนาดใหญ่ที่ต้องการความอลังการสูงสุด มักใช้ในงานแสดงสินค้าขนาดใหญ่มาก ๆ หรือสำหรับแบรนด์ชั้นนำที่ต้องการสร้างความยิ่งใหญ่
    • ข้อดี:
      • โดดเด่นที่สุด: ไม่ว่าบูธของคุณจะอยู่ตรงไหนในฮอลล์ Backdrop ขนาดนี้จะทำให้คุณเป็นจุดสนใจทันที
      • สร้างบรรยากาศยิ่งใหญ่: ให้ความรู้สึกถึงความแข็งแกร่งและความน่าเชื่อถือของแบรนด์
      • เหมาะสำหรับโชว์สินค้าหลายประเภท/จัดกิจกรรมใหญ่: มีพื้นที่กว้างขวางมากพอที่จะรองรับการแสดงสินค้าจำนวนมาก หรือใช้เป็นฉากหลังสำหรับเวทีและกิจกรรมการแสดง
    • ข้อเสีย:
      • ค่าใช้จ่ายสูงมาก: ทั้งค่าผลิต ค่าขนส่ง ค่าติดตั้ง และค่ารื้อถอนจะสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
      • การติดตั้งต้องใช้ทีมงานมืออาชีพ: ไม่สามารถติดตั้งเองได้ ต้องอาศัยทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญและอุปกรณ์เฉพาะ
      • การขนส่งต้องวางแผนเป็นพิเศษ: อาจต้องใช้รถบรรทุกหรือรถขนส่งขนาดใหญ่
    • เหมาะกับใคร:
      • บริษัทขนาดใหญ่ แบรนด์ชั้นนำ ที่มีงบประมาณและต้องการสร้างความประทับใจสูงสุด
      • งานเปิดตัวสินค้าใหม่ที่ต้องการความยิ่งใหญ่และสร้างกระแส
      • บูธที่ต้องการสร้างประสบการณ์ immersive หรือมีกิจกรรมที่ต้องใช้พื้นที่กว้างขวาง

2.3 ขนาดที่ไม่ได้มาตรฐาน (Custom Size)

บางครั้ง ขนาด Backdrop ที่นิยมใช้ในงานแสดงสินค้า ก็อาจจะไม่ตอบโจทย์ความต้องการของคุณ คุณอาจต้องพิจารณาสั่งทำ Backdrop ใน ขนาดพิเศษ

  • เมื่อไหร่ที่ต้องพิจารณาขนาด Custom?:
    • ข้อจำกัดด้านพื้นที่: บูธของคุณมีรูปร่างแปลกๆ หรือมีเสากีดขวางที่ Backdrop มาตรฐาน เข้าไม่ได้
    • ต้องการความแตกต่าง: คุณต้องการสร้างความโดดเด่นที่ไม่เหมือนใคร ด้วย Backdrop ที่มีรูปทรงหรือ ขนาด เฉพาะตัว
    • บูธออกแบบพิเศษ: บูธของคุณถูกออกแบบมาให้มีธีมหรือโครงสร้างเฉพาะที่ต้องใช้ Backdrop ที่เข้ากัน
    • ความสูงพิเศษ: งานบางประเภทอาจอนุญาตให้ใช้ Backdrop ที่มีความสูงเกิน 3 เมตร เพื่อความอลังการ
  • ข้อดี/ข้อเสียของการสั่งทำพิเศษ:
    • ข้อดี: ยืดหยุ่นสูงสุด, ตรงตามความต้องการเป๊ะๆ, สร้างความแตกต่างไม่เหมือนใคร
    • ข้อเสีย: ค่าใช้จ่ายสูงกว่า, ระยะเวลาในการผลิตนานกว่า, อาจมีความซับซ้อนในการออกแบบและติดตั้ง
  • คำแนะนำในการสั่งทำ:
    • ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ: ผู้ผลิต Backdrop ที่มีประสบการณ์จะสามารถให้คำแนะนำเรื่องวัสดุ โครงสร้าง และการออกแบบที่เหมาะสมกับ ขนาดพิเศษ ของคุณได้
    • ตรวจสอบรายละเอียด: ตรวจสอบแบบร่าง ขนาด และวัสดุให้ละเอียดถี่ถ้วนก่อนการผลิตจริง
    • งบประมาณ: เตรียมงบประมาณเผื่อไว้สำหรับค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นจากการสั่งทำพิเศษ

ตารางสรุปขนาด Backdrop ที่นิยมใช้

ขนาด Backdrop (กว้าง x สูง)เหมาะสำหรับบูธข้อดีข้อเสียเหมาะกับใคร
2×2 เมตร (200×200 cm)เล็กมาก/จำกัดประหยัดพื้นที่, ติดตั้งง่าย, พกพาสะดวก, ประหยัดงบพื้นที่สื่อสารน้อย, อาจไม่โดดเด่นในงานใหญ่SME เริ่มต้น, สินค้าชิ้นเล็ก, บูธย่อย
3×2.25 เมตร (300×225 cm)มาตรฐาน 3×3 เมตรลงตัวกับบูธมาตรฐาน, พื้นที่สื่อสารพอดี, ติดตั้งง่ายอาจไม่โดดเด่นในงานใหญ่มากธุรกิจทั่วไป, แบรนด์ที่ต้องการความสมดุล
4×2.25/4×3 เมตร (400×225/300 cm)กลางถึงใหญ่สร้างความประทับใจ, พื้นที่สื่อสารกว้างขวาง, ถ่ายภาพสวยใช้พื้นที่เยอะ, ขนส่ง/ติดตั้งซับซ้อนขึ้น, งบสูงขึ้นแบรนด์ต้องการอิมแพค, แสดงสินค้าขนาดใหญ่
6×2.25/6×3 เมตร (600×225/300 cm)ใหญ่มาก/อลังการโดดเด่นที่สุด, สร้างบรรยากาศยิ่งใหญ่, เหมาะโชว์สินค้าเยอะค่าใช้จ่ายสูงมาก, ติดตั้งต้องมืออาชีพ, ขนส่งยากบริษัทใหญ่, แบรนด์ชั้นนำ, งานเปิดตัวสินค้า
Custom Sizeบูธเฉพาะทางยืดหยุ่นสูงสุด, แตกต่างไม่เหมือนใคร, ตรงตามต้องการค่าใช้จ่ายสูง, ผลิตนาน, ติดตั้งซับซ้อนบูธดีไซน์พิเศษ, พื้นที่จำกัดเฉพาะ, ต้องการความสูงพิเศษ

ส่วนที่ 3: ปัจจัยเพิ่มเติมที่ส่งผลต่อการเลือก Backdrop

การเลือก ขนาด Backdrop เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้นครับ ยังมีปัจจัยอื่น ๆ อีกมากมายที่ส่งผลต่อรูปลักษณ์ ความทนทาน และประสิทธิภาพของ Backdrop ของคุณ

3.1 วัสดุของ Backdrop

วัสดุที่ใช้พิมพ์กราฟิกบน Backdrop มีผลอย่างมากต่อคุณภาพของภาพ สีสัน และการใช้งานจริงครับ

  • ผ้า (Fabric):
    • ลักษณะ: มักเป็นผ้าโพลีเอสเตอร์คุณภาพสูง เนื้อนุ่ม น้ำหนักเบา
    • ข้อดี: พิมพ์สีสวยงาม คมชัด ไม่สะท้อนแสงไฟ (เหมาะกับการถ่ายภาพ), สามารถพับเก็บได้ง่าย ไม่เกิดรอยยับง่ายเหมือนไวนิล, ซักทำความสะอาดได้ (บางประเภท), ติดตั้งง่าย
    • ข้อเสีย: ราคาแพงกว่าไวนิล, อาจฉีกขาดได้ง่ายกว่าหากไม่ระมัดระวัง
    • เหมาะกับ: Backdrop ที่ต้องการความพรีเมียม, งานที่เน้นการถ่ายภาพ, Pop-up Display, Tension Fabric System
  • ไวนิล (Vinyl):
    • ลักษณะ: เป็นพลาสติก PVC ที่มีความแข็งแรงทนทาน มีทั้งแบบทึบแสงและโปร่งแสง
    • ข้อดี: ทนทานต่อการฉีกขาด, กันน้ำ, ราคาประหยัดกว่า, เหมาะสำหรับงานกลางแจ้ง
    • ข้อเสีย: มีน้ำหนักมากกว่าผ้า, อาจเกิดรอยยับได้ง่ายหากพับเก็บไม่ดี, มีแสงสะท้อน (โดยเฉพาะแบบ Glossy), สีอาจดูไม่นุ่มนวลเท่าผ้า
    • เหมาะกับ: Backdrop ที่ต้องการความทนทาน, งบประมาณจำกัด, ป้ายขนาดใหญ่กลางแจ้ง, หรือใช้กับโครงสร้าง Pipe and Drape
  • Backlit Fabric / LED Panel:
    • ลักษณะ: เป็นผ้าชนิดพิเศษที่สามารถส่องไฟจากด้านหลัง หรือเป็นแผง LED ที่แสดงภาพได้
    • ข้อดี: สร้างความโดดเด่นและดึงดูดสายตาอย่างมากด้วยแสงสว่าง, สีสันสดใส คมชัด
    • ข้อเสีย: ราคาแพงที่สุด, กินไฟ, การติดตั้งและขนส่งซับซ้อน
    • เหมาะกับ: แบรนด์ที่ต้องการความหรูหรา, สร้างความประทับใจระดับพรีเมียม, ต้องการเน้นภาพสินค้าหรือข้อความให้โดดเด่นในที่มืด
  • วัสดุแข็งอื่นๆ (เช่น ไม้, ฟอร์เมก้า, แผ่นอลูมิเนียมคอมโพสิต):
    • ลักษณะ: ใช้สำหรับสร้างโครงสร้าง Backdrop แบบถาวร หรือแบบที่ต้องรับน้ำหนักเยอะๆ
    • ข้อดี: แข็งแรงทนทานสูง, สามารถสร้างรูปทรงได้หลากหลายและซับซ้อน
    • ข้อเสีย: มีน้ำหนักมาก, ไม่สะดวกในการเคลื่อนย้าย, ราคาแพง, เหมาะสำหรับการใช้งานระยะยาวหรือโครงสร้างถาวร
    • เหมาะกับ: บูธที่ออกแบบพิเศษ, บูธถาวรในศูนย์การค้า, การตกแต่งภายในสำนักงาน

3.2 ประเภทของโครงสร้าง/ระบบ Backdrop

โครงสร้างของ Backdrop เป็นอีกสิ่งสำคัญที่ส่งผลต่อการติดตั้ง ความแข็งแรง และรูปลักษณ์โดยรวม

  • Pop-up Display:
    • ลักษณะ: โครงสร้างแบบกางออกได้เหมือนร่ม พับเก็บง่าย มีแม่เหล็กหรือตีนตุ๊กแกสำหรับยึดกราฟิก
    • ข้อดี: ติดตั้งรวดเร็ว, พับเก็บใส่กระเป๋าหรือกล่องล้อลากได้, น้ำหนักเบา, เหมาะสำหรับ Backdrop ขนาดเล็กถึงกลาง
    • ข้อเสีย: มีรอยต่อของกราฟิก (ถ้าใช้หลายแผ่น), อาจไม่ทนทานเท่าโครงสร้างอื่น, มีข้อจำกัดเรื่องขนาดและรูปทรง
    • เหมาะกับ: ผู้ที่ออกบูธบ่อยๆ, ต้องการความสะดวกรวดเร็ว, งบประมาณจำกัด
  • Pipe and Drape System:
    • ลักษณะ: ระบบโครงสร้างแบบท่อ (Pipe) และผ้า (Drape) ที่มักใช้ในงานอีเว้นท์ โรงแรม หรือบูธเช่ามาตรฐาน
    • ข้อดี: ราคาประหยัด, ปรับขนาดความกว้างได้ง่าย, ติดตั้งได้รวดเร็ว, เหมาะสำหรับงานชั่วคราว
    • ข้อเสีย: ดูไม่ค่อยเป็นมืออาชีพเท่าระบบอื่น (ถ้าใช้แค่ผ้า), ไม่เหมาะสำหรับแขวนสิ่งของหนักๆ
    • เหมาะกับ: งานสัมมนา, งานแต่งงาน, หรือใช้เป็นโครงสร้างสำหรับยึดไวนิลพิมพ์ขนาดใหญ่ในงานที่ต้องการความคุ้มค่า
  • Truss System:
    • ลักษณะ: โครงสร้างอลูมิเนียมหรือเหล็กรูปสามเหลี่ยมหรือสี่เหลี่ยมที่เชื่อมต่อกันเป็นระบบ
    • ข้อดี: แข็งแรงทนทานสูง, รับน้ำหนักได้มาก, สามารถแขวนจอทีวี ไฟส่องสว่าง หรือสินค้าได้, ดูเป็นมืออาชีพและทันสมัย
    • ข้อเสีย: มีน้ำหนักมาก, การติดตั้งซับซ้อน ต้องใช้ทีมงานมืออาชีพ, ค่าใช้จ่ายสูง
    • เหมาะกับ: บูธขนาดใหญ่, งานที่ต้องการความแข็งแรงและโครงสร้างที่ดูมั่นคง, บูธที่มีการจัดแสงหรือจอแสดงผลขนาดใหญ่
  • Wooden / Custom Built Structure:
    • ลักษณะ: โครงสร้างที่ออกแบบและสร้างขึ้นเฉพาะสำหรับบูธนั้นๆ มักทำจากไม้ MDF หรือวัสดุผสม
    • ข้อดี: สามารถออกแบบได้อิสระ ไร้ขีดจำกัด, ดูพรีเมียมและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
    • ข้อเสีย: ค่าใช้จ่ายสูงที่สุด, ใช้เวลาในการผลิตนาน, ไม่สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้ง่าย, การขนส่งและติดตั้งซับซ้อนมาก
    • เหมาะกับ: แบรนด์ที่ต้องการสร้างประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร, มีงบประมาณสูง, บูธที่มีคอนเซ็ปต์เฉพาะ
  • Tension Fabric System (ผ้าตึงโครง):
    • ลักษณะ: กราฟิกที่พิมพ์บนผ้าชนิดพิเศษจะถูกสวมเข้ากับโครงอลูมิเนียมที่ประกอบขึ้นมา ทำให้ผ้าตึงเรียบ ไร้รอยต่อ
    • ข้อดี: ดูทันสมัยและไร้รอยต่อ, ภาพพิมพ์สวยงามคมชัด, น้ำหนักเบา, ติดตั้งง่าย (บางรุ่น), ไม่สะท้อนแสง, พับเก็บได้
    • ข้อเสีย: ราคาสูงกว่า Pop-up ทั่วไป, ต้องใช้ความระมัดระวังในการจัดเก็บผ้าเพื่อไม่ให้เสียหาย
    • เหมาะกับ: แบรนด์ที่ต้องการความทันสมัย, ภาพลักษณ์พรีเมียม, Backdrop ที่มีขนาดใหญ่แต่ยังต้องการความสะดวกในการขนส่งและติดตั้ง

3.3 การออกแบบกราฟิกสำหรับ Backdrop

ไม่ว่า Backdrop ของคุณจะ ขนาด เท่าไหร่ ถ้าการออกแบบกราฟิกไม่ดี ก็เปล่าประโยชน์ครับ นี่คือสิ่งที่คุณต้องคำนึงถึง:

  • ความละเอียดของภาพ: สำหรับ Backdrop ขนาดใหญ่ ภาพที่ใช้ต้องมีความละเอียดสูงมาก (อย่างน้อย 150-300 DPI ที่ขนาดจริง ขึ้นอยู่กับระยะการมอง) เพื่อให้ภาพไม่แตกเมื่อขยายใหญ่ ลองจินตนาการว่าคุณต้องเตรียมไฟล์ภาพที่คมชัดระดับ “ช่างภาพมืออาชีพ” ยังต้องร้องโอ้โห!
  • โทนสีและฟอนต์: ใช้โทนสีที่สอดคล้องกับแบรนด์ของคุณ และเลือกฟอนต์ที่อ่านง่ายจากระยะไกล หลีกเลี่ยงฟอนต์ที่ซับซ้อนหรือมีขนาดเล็กเกินไป
  • ข้อความและโลโก้: ควรวางตำแหน่งโลโก้และข้อความสำคัญไว้ในตำแหน่งที่มองเห็นได้ชัดเจนจากระยะไกล โดยเฉพาะส่วนบนและกลางของ Backdrop
  • Call to Action (CTA): ไม่ว่าจะเป็น “Scan QR Code”, “เยี่ยมชมเว็บไซต์”, “พูดคุยกับเรา” ควรมีข้อความเชิญชวนที่ชัดเจนและดึงดูดใจ
  • พื้นที่ว่าง (Negative Space): อย่าพยายามยัดเยียดข้อมูลทุกอย่างลงไปบน Backdrop การมีพื้นที่ว่างบ้างจะช่วยให้ Backdrop ดูโปร่งสบายตา และข้อความสำคัญโดดเด่นขึ้น
  • การจัดองค์ประกอบ: จัดวางองค์ประกอบให้สมดุล ดึงดูดสายตาจากบนลงล่าง หรือจากซ้ายไปขวา ตามลำดับความสำคัญของข้อมูล

3.4 แสงและเงา

แสงสว่างเป็นอีกหนึ่ง “ผู้ช่วย” สำคัญที่จะทำให้ Backdrop ของคุณโดดเด่นยิ่งขึ้น

  • ความสำคัญของการจัดแสง: แสงที่เหมาะสมสามารถเปลี่ยน Backdrop ธรรมดาให้กลายเป็นจุดสนใจได้ ช่วยให้สีสันดูสดใสขึ้น รายละเอียดชัดเจนขึ้น และลดเงาที่ไม่พึงประสงค์
  • ประเภทของไฟที่ใช้:
    • Spotlight: ใช้ส่องเน้นเฉพาะจุดบน Backdrop หรือสินค้าที่จัดแสดง
    • LED Strips: นิยมใช้กับ Backdrop แบบ Backlit หรือซ่อนไว้ตามขอบเพื่อสร้างแสงสว่างแบบนุ่มนวล
    • Track Lighting: สามารถปรับทิศทางของแสงได้ตามต้องการ
  • ผลกระทบต่อสีและการมองเห็น: แสงที่มากหรือน้อยเกินไปอาจทำให้สีของ Backdrop ผิดเพี้ยนไปได้ การปรึกษาผู้ผลิต Backdrop หรือนักออกแบบแสงจะช่วยให้คุณได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

ส่วนที่ 4: เคล็ดลับการเลือกและการใช้งาน Backdrop ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

มาถึงโค้งสุดท้ายแล้วครับ ผมจะมาสรุปเคล็ดลับจากประสบการณ์จริงที่จะช่วยให้คุณเลือกและใช้งาน Backdrop ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็น ขนาด Backdrop ที่นิยมใช้ในงานแสดงสินค้า แบบไหนก็ตาม

4.1 ประเมินพื้นที่บูธอย่างละเอียด (อีกครั้ง!)

ผมขอเน้นย้ำเรื่องนี้อีกครั้ง เพราะเป็นจุดที่พลาดกันบ่อยที่สุด!

  • ความสูงเพดาน: บางงานหรือบางฮอลล์อาจมีข้อจำกัดเรื่องความสูงของเพดาน ต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่า Backdrop ของคุณจะไม่สูงเกินไป
  • เสา/กำแพง/ทางเดิน: บูธของคุณมีเสากลางบูธไหม? มีกำแพงถาวรที่กั้นอยู่หรือไม่? ทางเดินหน้าบูธกว้างแค่ไหน? สิ่งเหล่านี้มีผลต่อการวางตำแหน่งและการเลือก ขนาด Backdrop
  • ตำแหน่งบูธในงาน: บูธของคุณเป็นบูธมุม, บูธกลางทางเดิน, หรืออยู่ติดผนัง?
    • บูธมุม: อาจพิจารณา Backdrop ที่สามารถโชว์ได้สองด้าน หรือมีมุมเปิดกว้าง
    • บูธกลางทางเดิน: สามารถเลือก Backdrop ที่โดดเด่นจากทุกทิศทาง
    • บูธติดผนัง: Backdrop จะเป็นจุดสนใจหลัก

4.2 คำนึงถึงมุมมองของผู้ชม

เราทำ Backdrop เพื่อให้คนอื่นมองเห็นและจดจำได้ ดังนั้นการเข้าใจพฤติกรรมการมองเห็นของผู้ชมจึงสำคัญมาก

  • ระยะห่างในการมองเห็น: ผู้คนจะเห็น Backdrop ของคุณจากระยะไกลแค่ไหน? ข้อความและภาพต้องใหญ่พอที่จะอ่านและเข้าใจได้จากระยะนั้น
  • การไหลของคนในงาน: คนเดินจากทิศทางไหนเป็นหลัก? วางองค์ประกอบสำคัญของ Backdrop ให้ตรงกับทิศทางที่คนส่วนใหญ่เดินผ่าน

4.3 วางแผนงบประมาณอย่างรอบคอบ

อย่ามองแค่ราคา Backdrop อย่างเดียวครับ ต้องรวมค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่เกี่ยวข้องด้วย

  • ค่าออกแบบ: ถ้าคุณไม่มีทีมกราฟิกในองค์กร
  • ค่าพิมพ์: ขึ้นอยู่กับ ขนาด และวัสดุ
  • ค่าโครงสร้าง: ชนิดของโครงสร้างมีผลต่อราคามาก
  • ค่าขนส่ง: จากโรงงานมายังสถานที่จัดงาน
  • ค่าติดตั้งและรื้อถอน: ถ้าเป็น Backdrop ขนาดใหญ่ หรือระบบที่ซับซ้อน อาจต้องจ้างทีมงาน
  • ค่าใช้จ่ายแฝง: เช่น ค่าบำรุงรักษา, ค่าเก็บรักษา (ถ้าเป็นของที่นำกลับมาใช้ซ้ำได้)

4.4 ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ (เหมือนกำลังปรึกษาผมอยู่ตอนนี้เลย!)

ผมบอกเลยว่านี่เป็นทางลัดสู่ความสำเร็จ!

  • ประโยชน์ของการทำงานกับทีมผู้ผลิต Backdrop ที่มีประสบการณ์: พวกเขาจะสามารถให้คำแนะนำที่ดีที่สุดเกี่ยวกับ ขนาด วัสดุ และโครงสร้างที่เหมาะสมกับงบประมาณและเป้าหมายของคุณ
  • สิ่งที่ควรสอบถามจากผู้ผลิต:
    • วัสดุที่ใช้และคุณสมบัติ
    • ระยะเวลาในการผลิต
    • บริการเสริม (ออกแบบ, ติดตั้ง, ขนส่ง)
    • การรับประกันคุณภาพ
    • ผลงานที่ผ่านมา

4.5 เตรียมความพร้อมก่อนวันงาน

ความพร้อมคือหัวใจสำคัญของการออกบูธที่ราบรื่น

  • ตรวจสอบความเรียบร้อยของ Backdrop ก่อนขนส่ง: เช็กว่าพิมพ์ถูกต้องตามแบบ, สีตรง, ไม่มีตำหนิ, ชิ้นส่วนครบถ้วน
  • เตรียมอุปกรณ์เสริมที่จำเป็น: เช่น สายไฟ, ปลั๊กพ่วง, อุปกรณ์ยึด, เทป, กรรไกร
  • วางแผนการติดตั้งและรื้อถอนให้มีประสิทธิภาพ: ใครรับผิดชอบ? มีคู่มือการติดตั้งไหม? ใช้เวลานานแค่ไหน? การวางแผนล่วงหน้าจะช่วยประหยัดเวลาและลดความวุ่นวาย

4.6 วัดผลและเรียนรู้

การเรียนรู้จากประสบการณ์จะช่วยให้การออกบูธครั้งต่อไปของคุณดีขึ้นเรื่อยๆ

  • สังเกตปฏิกิริยาของผู้ชม: ผู้คนหยุดดู Backdrop ของคุณนานแค่ไหน? มีใครถ่ายรูปด้วยไหม?
  • รวบรวมข้อมูลและข้อเสนอแนะ: สอบถามจากทีมงาน หรือจดบันทึกสิ่งที่คุณสังเกตเห็น เพื่อนำไปปรับปรุงการออกแบบ หรือการเลือก ขนาด Backdrop ในอนาคต

สรุปและ Call to Action

เพื่อนนักออกบูธทุกท่านครับ! การเลือก ขนาด Backdrop ที่นิยมใช้ในงานแสดงสินค้า ที่เหมาะสมนั้น ไม่ใช่แค่เรื่องของการเลือกตัวเลขบนไม้บรรทัด แต่มันคือ การลงทุน ที่ส่งผลต่อภาพลักษณ์ ประสิทธิภาพ และความสำเร็จของบูธคุณในงานแสดงสินค้าโดยตรง

เราได้สำรวจกันมาอย่างละเอียดแล้ว ตั้งแต่ ขนาด Backdrop มาตรฐานยอดนิยมอย่าง 3×2.25 เมตร ที่ลงตัวกับบูธส่วนใหญ่ ไปจนถึงขนาดใหญ่ 6 เมตรที่สร้างความอลังการ ไปจนถึงวัสดุและโครงสร้างที่หลากหลาย ผมหวังว่าข้อมูลเชิงลึกเหล่านี้จะช่วยให้คุณมองเห็นภาพรวมและตัดสินใจได้อย่างมั่นใจมากขึ้น

จำไว้เสมอว่า Backdrop คือ เวที” ที่จะนำเสนอแบรนด์ของคุณสู่สายตาผู้คนนับพัน การลงทุนกับมันอย่างชาญฉลาดคือการลงทุนในอนาคตของธุรกิจคุณครับ

ให้เราช่วยเนรมิต Backdrop ที่โดดเด่นให้บูธของคุณ!

ที่ [ชื่อบริษัทของคุณ] เรามีความเชี่ยวชาญด้านการออกแบบและผลิต Backdrop คุณภาพสูง หลากหลาย ขนาด และวัสดุ เราเข้าใจถึงความต้องการที่แตกต่างกันของธุรกิจแต่ละประเภท ไม่ว่าคุณจะต้องการ:

  • Backdrop แบบ Pop-up ขนาดกะทัดรัด พกพาง่าย สำหรับ SME
  • Backdrop Tension Fabric ที่ดูทันสมัย ไร้รอยต่อ สำหรับภาพลักษณ์พรีเมียม
  • Backdrop โครงสร้าง Truss แข็งแรงทนทาน สำหรับบูธขนาดใหญ่และงานที่ต้องการความมั่นคง

เราพร้อมให้คำปรึกษาอย่างมืออาชีพ ตั้งแต่การเลือก ขนาด ที่เหมาะสมกับพื้นที่และงบประมาณของคุณ ไปจนถึงการออกแบบกราฟิกที่จะดึงดูดสายตาและสื่อสารข้อความของคุณได้อย่างทรงพลัง

อย่าปล่อยให้โอกาสในการสร้างความประทับใจครั้งแรกหลุดลอยไป!

เยี่ยมชมเว็บไซต์ของเราเพื่อดูผลงานและแรงบันดาลใจเพิ่มเติม หรือ ติดต่อเราวันนี้เพื่อขอใบเสนอราคาฟรี! ให้ทีมงานผู้เชี่ยวชาญของเราช่วยเนรมิต Backdrop ที่จะทำให้บูธของคุณโดดเด่น สร้างความประทับใจไม่รู้ลืม และดึงดูดลูกค้าเป้าหมายให้เข้ามาหาคุณในงานแสดงสินค้าครั้งต่อไปครับ!

PIM 24 โรงพิมพ์อุปกรณ์ออกบูธ เพื่อใช้ในงานโฆษณาแบบครบวงจร

โรงพิมพ์อุปกรณ์ออกบูธ งานพิมพ์ผ้า งานพิมพ์ Inkjet งานพิมพ์ Digital Offset งานพิมพ์ Offset กล่องแพ็คเกจจิ้ง สั่งผลิตจำนวนมาก ราคาพิเศษ เพื่อใช้ในงานการตลาดการขายและโฆษณาแบบครบวงจร

ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายอุปกรณ์ออกบูธคุณภาพ เช่น การทำ แบคดรอปผ้า (backdrop ผ้า), โรลอัพผ้า (roll up), กล่องไฟผ้า (fabric lightbox), เคาน์เตอร์ผ้า (fabric counter), ธงญี่ปุ่น (J-Flag), กล่องลูกฟูก, ฉลากสินค้า, กล่องแพ็คเกจจิ้ง ครบวงจรราคาดีที่สุด ผลิตเร็ว ราคาถูก ส่งรวดเร็ว คุณภาพมาตรฐานระดับสากล

สนใจสอบถามสินค้า >>> https://lin.ee/5CenwJj

หรือโทร. ติดต่อฝ่ายขาย

081-247-3560 (Sale ใหม่)
081-247-3562 (Sale ตูน)
081-247-3563 (Sale อีฟ)
081-247-3564 (Sale หมี่)
081-247-3565 (Sale ส้ม)

Share the Post: