การใช้ Standee ในโรงหนัง เทคนิคสร้างบรรยากาศให้คนอยากถ่ายรูป

Standee

ลองนึกภาพเวลาคุณเดินเข้าไปในโรงหนัง… ก่อนจะถึงจุดซื้อตั๋ว ภาพแรกที่สะดุดตากลับไม่ใช่โปสเตอร์ภาพยนตร์บนผนัง แต่เป็น “สแตนดี้” ตัวใหญ่ที่ตั้งโดดเด่นอยู่กลางโถง มาพร้อมภาพพระเอกนางเอกในท่าทางเท่ ๆ พร้อมชื่อหนังตัวใหญ่เต็มตา — จนคุณเผลอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปโดยไม่รู้ตัว นั่นแหละ คือพลังของ Standee (สแตนดี้) หนึ่งในเครื่องมือสื่อสารทางการตลาดที่ยังคงทรงพลังในยุคดิจิทัล โดยเฉพาะใน “โรงภาพยนตร์” ซึ่งถือเป็นจุดที่ผู้ชมเปิดใจรับสื่อได้ดีที่สุด เพราะมาด้วยอารมณ์ของความบันเทิง การพักผ่อน และความคาดหวังที่จะได้ “ประสบการณ์ใหม่”

ในบทความนี้ เราจะพาคุณมาทำความเข้าใจว่า

  • ทำไม สแตนดี้ ถึงสำคัญต่อการโปรโมทภาพยนตร์
  • มีเทคนิคอะไรบ้างในการออกแบบและจัดวางให้ดึงดูดสายตา
  • และจะใช้สแตนดี้ยังไงให้ “กลายเป็นมุมถ่ายรูปประจำโรงหนัง” ที่คนอยากแชร์ลงโซเชียล

1. Standee คืออะไร และทำไมถึงนิยมใช้ในโรงหนัง

Standee หรือ “สแตนดี้” คือป้ายตั้งพื้นแบบสามมิติที่มักผลิตจากวัสดุ เช่น

  • กระดาษแข็งเคลือบเงา (Cardboard Standee)
  • โฟมบอร์ดหรือพีพีบอร์ด (Foam Board / PP Board)
  • วัสดุผ้า (Fabric Display Standee)

โดยจุดประสงค์หลักของมันคือ “การดึงดูดสายตา” และ “สร้างบรรยากาศ” ให้เข้ากับแคมเปญที่ต้องการสื่อสาร เช่น การโปรโมทภาพยนตร์ใหม่ การเปิดตัวสินค้า หรือแม้กระทั่งกิจกรรมร่วมสนุกในโรงหนัง

ในต่างประเทศ บริษัทยักษ์ใหญ่ในวงการหนังอย่าง Marvel, Disney, หรือ Warner Bros. ใช้สแตนดี้เป็นเครื่องมือหลักในการสื่อสารกับแฟนคลับ เพราะมันมีพลังมากกว่าป้ายโฆษณาทั่วไป — มัน “จับต้องได้” “มีมิติ” และ “กลายเป็นประสบการณ์ร่วม” ได้ในตัวเอง

เมื่อคนถ่ายรูปกับสแตนดี้แล้วแชร์ลงโซเชียล แปลว่านั่นคือ สื่อโฆษณาที่ขยายตัวเองได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าโฆษณาเพิ่มเลยแม้แต่นิดเดียว

2. บทบาทของ Standee ในโรงหนังยุคใหม่

โรงหนังไม่ใช่แค่สถานที่ดูหนังอีกต่อไป แต่กลายเป็น “พื้นที่แห่งประสบการณ์ (Experience Space)”
คนดูคาดหวังให้ทุกช่วงเวลาที่อยู่ในโรงหนังเต็มไปด้วยความรู้สึกพิเศษ ตั้งแต่จุดขายตั๋วไปจนถึงโถงพักรอ

และ สแตนดี้ กลายเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยเติมเต็มประสบการณ์นั้นได้อย่างลงตัว เช่น

  • เพิ่มความ “ตื่นเต้น” ก่อนดูหนัง
  • สร้างจุด “ถ่ายรูป” ที่แชร์ต่อในโลกออนไลน์
  • ทำให้ผู้ชม “จดจำ” ภาพยนตร์หรือแบรนด์ได้มากขึ้น

สแตนดี้ในโรงหนังบางแห่งยังถูกออกแบบให้ “ขยับได้” “มีไฟ” หรือแม้กระทั่ง “มีจอ LED เล็ก ๆ” เพื่อเพิ่มความเคลื่อนไหวและความน่าสนใจ ซึ่งช่วยให้ผู้ชมรู้สึกมีส่วนร่วมมากกว่าการมองโปสเตอร์เฉย ๆ

3. ทำไม Standee ถึงดึงดูดให้คนอยากถ่ายรูป

ในยุคที่ “คอนเทนต์” คือทุกอย่าง คนส่วนใหญ่เมื่อเห็นสิ่งที่น่าสนใจ มักจะหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายทันที
ดังนั้น การทำให้ สแตนดี้กลายเป็นจุดถ่ายรูป (Photo Spot) จึงเป็นเทคนิคที่หลายแบรนด์ใช้เพื่อสร้างกระแสบนโซเชียล

เคล็ดลับคือ “อย่าคิดว่ามันเป็นแค่ป้าย”
แต่ให้มองว่า “มันคือฉากถ่ายรูปที่มีเรื่องราว”

ตัวอย่างแนวคิดที่ใช้ได้ผลดี

  • 🎭 Standee ที่มีช่องให้สอดหน้าเข้าไป กลายเป็นกิจกรรมเล็ก ๆ ให้คนเล่นสนุก
  • 🌟 สแตนดี้ที่ออกแบบให้มีมิติหรือขนาดเท่าคนจริง สร้างความรู้สึกเหมือนได้ยืนข้างนักแสดงจริง
  • 📸 สแตนดี้พร้อมแสงไฟหรือฉากพื้นหลังสวย ๆ ทำให้ภาพออกมาดูดีโดยไม่ต้องแต่งเพิ่ม

การสร้าง “มุมถ่ายรูป” ที่ดี จะกระตุ้นให้เกิดพฤติกรรมแบบอัตโนมัติ คือ

เดินผ่าน – หยุดดู – ถ่ายรูป – แชร์ลงโซเชียล – แท็กเพื่อน – อยากมาดูเอง

ซึ่งเท่ากับว่าแบรนด์หรือหนังเรื่องนั้นได้รับการโปรโมทฟรี ๆ ผ่านการแชร์ต่อแบบปากต่อปากในโลกออนไลน์

4. เทคนิคออกแบบ Standee ให้ปังในโรงหนัง

🎨 1. เน้นดีไซน์ให้ “โดดเด่นในระยะไกล”

ในโถงโรงหนังที่มีไฟสลัวและคนพลุกพล่าน การออกแบบต้องเน้น “สีและแสง” ที่ดึงสายตาได้ทันที
ใช้สีตรงข้ามกับพื้นหลัง เช่น สีทอง สีแดง หรือฟ้าเรืองแสง

🧩 2. เล่นกับโครงสร้างให้มีมิติ

สแตนดี้แบบ 3 มิติ หรือที่มีองค์ประกอบ “ล้ำออกมา” เช่น ดาบ, ปีก, รถยนต์ หรือโลโก้ขนาดใหญ่ จะช่วยสร้างความรู้สึก “สมจริง” และทำให้คนอยากเข้าไปถ่ายรูป

💡 3. เพิ่มไฟหรือเอฟเฟกต์พิเศษ

ในยุค LED ราคาถูก การติดไฟซ่อนหรือไฟสีรอบฐานทำได้ไม่ยากเลย
แสงไฟช่วยสร้างบรรยากาศ “เหมือนฉากในหนัง” และทำให้รูปออกมาสวยในทุกมุม

📱 4. ใส่ลูกเล่น Interactive

เทรนด์ล่าสุดของสแตนดี้คือการผสม เทคโนโลยี AR หรือ QR Code ให้คนสแกนแล้วดูคลิปโปรโมท หรือถ่ายรูปกับตัวละครแบบเสมือนจริงได้ทันที

5. ตำแหน่งการวาง Standee ก็สำคัญไม่แพ้ดีไซน์

การวางสแตนดี้ไม่ควรอยู่ในมุมอับหรือทางเดินแคบ เพราะคนจะไม่กล้าเข้าไปถ่ายรูป
ตำแหน่งที่เหมาะสมคือ

  • หน้าทางเข้าโรงหนัง
  • โถงรอซื้อตั๋ว
  • จุดพักก่อนเข้าห้องฉาย

และอย่าลืม “เว้นพื้นที่” ด้านหน้าให้คนสามารถถ่ายรูปได้โดยไม่บังคนอื่น — เพราะถ้าถ่ายสะดวก คนก็จะยิ่งอยากแชร์

6. ใช้ Standee เป็นสื่อร่วมกับกิจกรรมในโรงหนัง

หนึ่งในเทคนิคที่ช่วยให้สแตนดี้ “มีชีวิต” คือการผูกเข้ากับกิจกรรม เช่น

  • กิจกรรม “ถ่ายรูปคู่สแตนดี้ ลุ้นบัตรชมภาพยนตร์ฟรี”
  • กิจกรรม “แชร์ภาพพร้อมแท็กชื่อหนัง รับของที่ระลึก”

เมื่อสแตนดี้กลายเป็นส่วนหนึ่งของเกมหรือกิจกรรม แบรนด์จะได้ทั้งการมีส่วนร่วม (Engagement) และการโปรโมทบนโลกออนไลน์แบบเป็นธรรมชาติ

7. การดูแลและอายุการใช้งานของ Standee

หลายคนอาจไม่รู้ว่า “วัสดุ” มีผลต่ออายุการใช้งานของสแตนดี้มาก

  • กระดาษแข็ง เหมาะกับแคมเปญระยะสั้น 1–2 เดือน
  • พีพีบอร์ดหรือโฟมบอร์ด ทนแดดและความชื้นได้ดีกว่า ใช้ได้ถึง 6 เดือน
  • สแตนดี้ผ้า (Fabric Standee) โครงอลูมิเนียมเบา แข็งแรง ถอดซักได้ เหมาะกับงานระยะยาว

ดังนั้น หากคุณเป็นโรงหนังหรือผู้จัดอีเวนต์ ควรเลือกวัสดุที่เหมาะกับระยะเวลาการใช้งานจริง เพื่อความคุ้มค่าในระยะยาว

8. สแตนดี้กับการสร้างอัตลักษณ์แบรนด์ในโรงหนัง

โรงหนังแต่ละแห่งมักมีภาพลักษณ์ต่างกัน — บางแห่งหรูหรา บางแห่งวัยรุ่น บางแห่งเน้นครอบครัว
สแตนดี้ที่ดีจะต้อง “เข้ากับบรรยากาศ” ของโรงนั้นด้วย เช่น

  • ถ้าเป็นโรงหนังพรีเมียม ใช้สแตนดี้ที่มีไฟและวัสดุเงา
  • ถ้าเป็นโรงวัยรุ่น ใช้สีสด ดีไซน์แนว Pop Art หรือ Comic Style
  • ถ้าเป็นโรงหนังในห้าง ใช้โครงสร้างใหญ่ ๆ ให้โดดเด่นเห็นแต่ไกล

สิ่งเหล่านี้ช่วยเสริม “เอกลักษณ์ของโรงหนัง” และสร้างความประทับใจตั้งแต่ยังไม่เข้าห้องฉาย

9. แนวโน้มในอนาคต: Standee จะไปทางไหนต่อ?

ในอนาคต สแตนดี้จะไม่ใช่แค่ป้ายกระดาษอีกต่อไป
แต่จะกลายเป็น “สื่อโฆษณาแบบมีปฏิสัมพันธ์ (Interactive Display)” ที่ผู้ชมสามารถสแกน ดูคลิป หรือถ่ายรูปแบบ 3D ได้

เทคโนโลยีอย่าง AR, Projection Mapping และ Motion Sensor กำลังเข้ามามีบทบาทมากขึ้น เช่น

  • สแตนดี้ที่ “ขยับ” หรือ “พูด” ได้เมื่อมีคนเดินเข้าใกล้
  • สแตนดี้ที่ถ่ายรูปแล้วระบบ AI เติมเอฟเฟกต์หนังให้ในทันที

สิ่งเหล่านี้จะเปลี่ยนสแตนดี้ให้กลายเป็น “ประสบการณ์ทางการตลาด” อย่างแท้จริง

สรุป: สแตนดี้ในโรงหนังคือมากกว่าสื่อโปรโมท

เมื่อมองให้ลึกกว่าแค่ป้าย สแตนดี้คือ “จุดเชื่อมโยงระหว่างหนังกับผู้ชม”
มันคือเครื่องมือที่ทำให้คนรู้สึกมีส่วนร่วมกับเรื่องราวก่อนหนังจะเริ่มฉายจริง
และถ้าออกแบบได้ดี วางได้เหมาะ สแตนดี้เพียงหนึ่งชิ้นอาจสร้างยอดแชร์หลายพันครั้งบนโลกออนไลน์

เพราะสุดท้ายแล้ว “ความทรงจำก่อนเข้าชมหนัง” ก็สำคัญไม่แพ้ช่วงเวลาที่อยู่ในโรงภาพยนตร์
และสแตนดี้คือหนึ่งในสิ่งที่ช่วยสร้างความทรงจำนั้นให้คนอยากกลับมาอีกครั้ง

PIM 24 โรงพิมพ์อุปกรณ์ออกบูธ เพื่อใช้ในงานโฆษณาแบบครบวงจร

โรงพิมพ์อุปกรณ์ออกบูธ งานพิมพ์ผ้า งานพิมพ์ Inkjet งานพิมพ์ Digital Offset งานพิมพ์ Offset กล่องแพ็คเกจจิ้ง สั่งผลิตจำนวนมาก ราคาพิเศษ เพื่อใช้ในงานการตลาดการขายและโฆษณาแบบครบวงจร

ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายอุปกรณ์ออกบูธคุณภาพ เช่น การทำ แบคดรอปผ้า (backdrop ผ้า), โรลอัพผ้า (roll up), กล่องไฟผ้า (fabric lightbox), เคาน์เตอร์ผ้า (fabric counter), ธงญี่ปุ่น (J-Flag), กล่องลูกฟูก, ฉลากสินค้า, กล่องแพ็คเกจจิ้ง ครบวงจรราคาดีที่สุด ผลิตเร็ว ราคาถูก ส่งรวดเร็ว คุณภาพมาตรฐานระดับสากล

สนใจสอบถามสินค้า >>> https://lin.ee/5CenwJj

หรือโทร. ติดต่อฝ่ายขาย

081-247-3560 (Sale ใหม่)
081-247-3562 (Sale ตูน)
081-247-3563 (Sale มด)
081-247-3564 (Sale ส้ม)

Share the Post: