ข้อแตกต่างระหว่าง Roll Up และ Standee เลือกอย่างไรให้เหมาะกับธุรกิจคุณ ในโลกของงานอีเวนต์ การจัดแสดงสินค้า หรือการทำการตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์ “สื่อโฆษณาและประชาสัมพันธ์” กลายเป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้คุณภาพสินค้าหรือการบริการ โดยเฉพาะสื่อที่สามารถสร้างความโดดเด่นให้กับแบรนด์ทันที เช่น Roll Up และ Standee
หลายคนอาจมองว่า Roll Up กับ Standee เป็นสิ่งเดียวกัน แต่ความจริงแล้ว ทั้งสองชนิดมีความแตกต่างทั้งด้าน การใช้งาน, วัสดุ, การติดตั้ง, และภาพลักษณ์ของแบรนด์ การเลือกใช้ให้ถูกต้องจึงมีผลต่อการสื่อสารแบรนด์และความสำเร็จของงาน
บทความนี้จะพาคุณเจาะลึกทุกมิติ ตั้งแต่คุณสมบัติ เทคนิคการออกแบบ การใช้งานจริง ไปจนถึงเคล็ดลับในการเลือกเพื่อให้เหมาะกับธุรกิจของคุณ
Roll Up คืออะไร และเหมาะกับงานแบบไหน
Roll Up เป็นสื่อโฆษณาแบบพกพาที่นิยมมากในงานอีเวนต์ การสัมมนา และการจัดแสดงสินค้า มีลักษณะเป็น แผ่นพิมพ์กราฟิกม้วนขึ้น-ลงในฐานอลูมิเนียม ทำให้สามารถติดตั้งและเก็บได้ง่าย
หนึ่งในข้อดีของ Roll Up คือ สะดวกในการเคลื่อนย้าย และ ติดตั้งเร็ว เหมาะกับผู้ที่ต้องการสื่อสารข้อความสั้น กระชับ และสร้างความสนใจให้ผู้เข้าชมทันที
ตัวอย่างการใช้งานที่นิยม เช่น
- งานสัมมนา หรือ Workshop
- บูธขายสินค้าในงานอีเวนต์
- โปรโมชั่นหน้าร้านชั่วคราว
สิ่งที่ทำให้ Roll Up เป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ สำหรับผู้จัดงานคือ ความเรียบง่ายในการใช้งาน, น้ำหนักเบา และพกพาง่าย ทำให้แม้จะมีพื้นที่จำกัดก็สามารถสร้างฉากหลังหรือแสดงข้อมูลสำคัญได้ทันที
Standee คืออะไร และเหมาะกับงานแบบไหน
Standee เป็นสื่อโฆษณาที่มีโครงสร้างแข็งแรง สามารถตั้งเดี่ยวได้ มักใช้ วัสดุแข็ง เช่น PVC, ฟิวเจอร์บอร์ด, อะคริลิก หรือกระดาษแข็งอาร์ตการ์ด ทำให้สามารถสร้างรูปร่างพิเศษ หรือแม้แต่ Cut Out เป็นตัวสินค้า ตัวละคร หรือโลโก้ของแบรนด์
Standee จะให้ความรู้สึก สมจริงและมีมิติ กว่า Roll Up เหมาะกับงานที่ต้องการดึงดูดสายตาผู้ชม หรือสร้างประสบการณ์ให้ผู้เข้าชมสัมผัสใกล้ชิดกับแบรนด์
ตัวอย่างการใช้งาน Standee เช่น
- บูธสินค้าในงานแฟร์หรือห้างสรรพสินค้า
- การโปรโมทสินค้าใหม่หรือ Campaign สินค้าแบบ Interactive
- การตกแต่งหน้าร้านให้ดึงดูดลูกค้า
Standee สามารถปรับรูปทรงและขนาดได้หลากหลาย ทำให้แบรนด์สามารถสร้าง จุดสนใจที่แตกต่าง และให้ผู้เข้าชมจำแบรนด์ได้ง่ายขึ้น
ความแตกต่างด้านวัสดุและการผลิต
หนึ่งในความแตกต่างที่สำคัญระหว่าง Roll Up และ Standee คือ วัสดุและเทคนิคการผลิต
- Roll Up: มักใช้ผ้า, ไวนิล หรือ PVC แบบม้วนขึ้นลง มีโครงอลูมิเนียม น้ำหนักเบา เน้นพกพาและติดตั้งเร็ว
- Standee: ใช้วัสดุแข็ง เช่น ฟิวเจอร์บอร์ด, อะคริลิก, หรือกล่องอาร์ตการ์ด สามารถทำรูปร่างพิเศษ ตัดตัวละคร หรือเพิ่มลูกเล่น 3D ได้
วัสดุของ Standee ทำให้เหมาะกับงานที่ต้องการ ความทนทาน และ ความโดดเด่นของฉากหลัง ส่วน Roll Up เหมาะกับงานที่ต้อง เคลื่อนย้ายบ่อยหรือใช้ชั่วคราว
ขนาดและพื้นที่ใช้งาน
Roll Up มีขนาดมาตรฐานอยู่ที่ประมาณ 80–120 ซม. กว้าง และสูงประมาณ 200 ซม. ซึ่งเหมาะกับ การแสดงข้อมูลกระชับ และพื้นที่จำกัด
Standee มีความยืดหยุ่นมากกว่า สามารถทำตั้งแต่ ครึ่งตัว จนถึงเต็มตัว หรือขนาดใหญ่เพื่อดึงสายตา ทำให้เหมาะกับพื้นที่กว้าง หรือบูธใหญ่
การเลือกขนาดจึงขึ้นอยู่กับ พื้นที่ใช้งานและรูปแบบงาน
- งานสัมมนาหรือ Workshop ขนาดเล็ก → Roll Up พกพาสะดวก
- งานแฟร์หรือหน้าร้านต้องการสร้างจุดสนใจ → Standee ให้ความโดดเด่น
ความสะดวกในการติดตั้งและเคลื่อนย้าย
อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญคือ ความสะดวกในการติดตั้งและเคลื่อนย้าย
- Roll Up ติดตั้งง่ายมาก เพียงดึงแผ่นกราฟิกขึ้นจากฐาน และสามารถพับเก็บได้
- Standee อาจต้องใช้เวลาในการประกอบหรือวางให้ตั้งตรง โดยเฉพาะแบบขนาดใหญ่หรือแบบมีหลายชิ้น
ดังนั้น ถ้าคุณต้องการ เคลื่อนย้ายหลายจุดในงานเดียวกัน Roll Up จะตอบโจทย์มากกว่า แต่ถ้าเน้น ความทนทานและสร้างจุดเด่นในที่เดียว Standee คือคำตอบ
การสื่อสารแบรนด์และภาพลักษณ์
ภาพลักษณ์แบรนด์เป็นอีกสิ่งที่ต้องคำนึง
- Roll Up เหมาะกับแบรนด์ที่เน้น ความเรียบง่าย กระชับ และสื่อสารข้อความหลักได้ชัดเจน
- Standee เหมาะกับแบรนด์ที่เน้น การสร้างประสบการณ์และความโดดเด่น ให้ผู้เข้าชมจำแบรนด์ได้
ตัวอย่างเช่น แบรนด์เครื่องสำอางอาจใช้ Roll Up สำหรับแนะนำโปรโมชั่นหรือสินค้าใหม่ ส่วน Standee ใช้สำหรับ ตัวละครหรือโมเดลสินค้าพรีเมียม เพื่อดึงดูดสายตาและสร้างการจดจำ
เทคนิคการออกแบบเพื่อให้โดดเด่น
ไม่ว่าจะเลือก Roll Up หรือ Standee การออกแบบเป็นหัวใจสำคัญ
- เลือก สีและฟอนต์ที่สอดคล้องกับแบรนด์
- จัดวาง โลโก้และข้อความสำคัญให้อ่านง่าย
- ใช้ ภาพใหญ่และชัดเจน เพื่อดึงดูดสายตาผู้ชม
- เพิ่ม ลูกเล่นบางอย่าง เช่น การใช้ลวดลาย, แสงสะท้อน หรือ Cut Out ใน Standee เพื่อสร้างมิติ
เคล็ดลับคือ ให้น้อยแต่เด่น เพราะ Roll Up และ Standee มีพื้นที่จำกัด การใส่ข้อความหรือภาพเยอะเกินไปอาจทำให้สายตาผู้ชมสับสน
การเลือกใช้ Roll Up และ Standee ให้เหมาะกับงาน
การตัดสินใจขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น
- ประเภทงาน: งานสัมมนา vs งานแฟร์
- พื้นที่: ขนาดเล็กพกพาสะดวก vs พื้นที่กว้างเน้นโดดเด่น
- จำนวนการใช้งาน: ใช้ซ้ำหลายครั้ง vs ใช้ครั้งเดียว
- ภาพลักษณ์แบรนด์: เรียบง่าย vs พรีเมียม
บางครั้งการใช้ ทั้งสองชนิดร่วมกัน ก็ช่วยให้การสื่อสารครบถ้วน เช่น ใช้ Roll Up สำหรับข้อมูลสำคัญ และ Standee สำหรับจุดดึงดูดสายตา
Roll Up และ Standee มีข้อดีและจุดเด่นแตกต่างกัน การเลือกใช้ต้องพิจารณา ประเภทงาน, ขนาดพื้นที่, จำนวนครั้งการใช้งาน และภาพลักษณ์แบรนด์
- Roll Up: สะดวก, เคลื่อนย้ายง่าย, เหมาะกับงานสั้น ๆ หรือพื้นที่จำกัด
- Standee: แข็งแรง, สร้างมิติ, เหมาะกับงานใหญ่หรือต้องการดึงดูดสายตา
เคล็ดลับสำคัญคือ เข้าใจลักษณะงานและจุดประสงค์การสื่อสาร เพื่อให้สื่อโฆษณาเหล่านี้สร้างประโยชน์สูงสุดต่อแบรนด์
PIM 24 โรงพิมพ์อุปกรณ์ออกบูธ เพื่อใช้ในงานโฆษณาแบบครบวงจร
โรงพิมพ์อุปกรณ์ออกบูธ งานพิมพ์ผ้า งานพิมพ์ Inkjet งานพิมพ์ Digital Offset งานพิมพ์ Offset กล่องแพ็คเกจจิ้ง สั่งผลิตจำนวนมาก ราคาพิเศษ เพื่อใช้ในงานการตลาดการขายและโฆษณาแบบครบวงจร
ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายอุปกรณ์ออกบูธคุณภาพ เช่น การทำ แบคดรอปผ้า (backdrop ผ้า), โรลอัพผ้า (roll up), กล่องไฟผ้า (fabric lightbox), เคาน์เตอร์ผ้า (fabric counter), ธงญี่ปุ่น (J-Flag), กล่องลูกฟูก, ฉลากสินค้า, กล่องแพ็คเกจจิ้ง ครบวงจรราคาดีที่สุด ผลิตเร็ว ราคาถูก ส่งรวดเร็ว คุณภาพมาตรฐานระดับสากล
สนใจสอบถามสินค้า >>> https://lin.ee/5CenwJj
หรือโทร. ติดต่อฝ่ายขาย
081-247-3560 (Sale ใหม่)
081-247-3562 (Sale ตูน)
081-247-3563 (Sale มด)
081-247-3564 (Sale ส้ม)